การพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาจีน โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือ ด้วยเทคนิค STAD ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบเอกซ์พลิซิท ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
DEVELOPMENT OF CHINESE LANGUAGE LEARNING ACHIEVEMENT USING STAD COOPERATIVE LEARNING MODEL IN CONJUNCTION WITH EXPLICIT INSTRUCTION FOR GRADE 11 STUDENTS
คำสำคัญ:
การเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD, เรียนรู้แบบเอกซ์พลิซิท, ความสามารถในการใช้ภาษาจีนบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการใช้ภาษาจีนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ 5 ก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้การจัดการเรียนรู้รูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบเอกซ์พลิซิท 2) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการใช้ภาษาจีน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หลังเรียน โดยใช้การจัดการเรียนรู้รูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบเอกซ์พลิซิทกับเกณฑ์ร้อยละ 70 กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนหนองบัวแดงวิทยา โดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาจีนเรื่อง 你买什么? (คุณจะซื้ออะไร?) 2) แบบวัดความสามารถในการใช้ภาษาจีน เรื่อง 你买什么? (คุณจะซื้ออะไร?) จำนวน 20 ข้อ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบสมมติฐานโดยใช้สถิติที่แบบไม่เป็นอิสระต่อกัน (t-test for Dependent Sample) และสถิติที แบบการทดสอบค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่าง 1 กลุ่ม (One-sample test for the mean) ผลการวิจัยพบว่า 1) ความสามารถในการใช้ภาษาจีนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หลังเรียน (ค่าเฉลี่ย = 15.10) สูงกว่าก่อนเรียน (ค่าเฉลี่ย = 4.55) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2) ความสามารถในการใช้ภาษาจีนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หลังเรียนโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบเอกซ์พลิซิท คิดเป็นร้อยละ 74.19 จากคะแนนเต็มร้อยละ 100 พบว่า ความสามารถในการใช้ภาษาจีนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 ที่ตั้งไว้
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551 ก.). การจัดสาระการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ : กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ.
_______(2566). หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนหนองบัวแดงวิทยา กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ.หนองบัวแดง: สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาชัยภูมิ
กรกช ฉวีวรรณชล. (2564). การพัฒนาทักษะการพูดภาษาจีน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1โดยใช้การเรียนแบบร่วมมือเทคนิค STAD. วารสารศึกษาศาสตร์อิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยบูรพาเล่มที่ 3 ครั้งที่ 1 มกราคม – มีนาคม 2564
จิระศักดิ์ มะลิซ้อน. (2560). การพัฒนาภาษาจีนเพื่อการสื่อสารโดยใช้กิจกรรมแบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STADสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วิทยานิพนธ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
เนตรนภา สาแก้ว. (2565). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ STAD เรื่องพัฒนาการของอาณาจักรสุโขทัย นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
บุญชม ศรีสะอาด. (2560). การวิจัยเบื้องต้น (พิมพ์ครั้งที่ 10). กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น.
ฝ่ายวิชาการ โรงเรียนหนองบัวแดงวิทยา. (2566). หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนหนองบัวแดงวิทยาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2566. หนองบัวแดง: สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาชัยภูมิ
ไพศาล หวังพานิช. (2556). เอกสารประกอบการสอนวิชาสถิติเพื่อการวิจัยทางสังคมศาสตร.มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล.นครราชสีมา.
ศิริรัตน์ เกิดแก้ว. (2553). ผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านสะกดค าตามมาตราตัวสะกดไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้วิธีการสอนแบบเอ็กซ์พลิซิท. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต.มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี.
พวงเพ็ญ อินทรประวัติ. (2567). พฤติกรรมการสอนที่มีประสิทธิภาพที่นักศึกษาฝึกสอนต้องรู้. เอกสารไม่ได้ตีพิมพ์ สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน, คณะศึกษาศาสตร์, มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล.
ยุภาพร นอกเมือง. (2563). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาจีน โดยการจัดการเรียนรู้ แบบร่วมมือร่วมใจ เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาจีนของนักเรียน. ครุศาสตร์สาร.ปีที่ 14 ฉบับที่ 2 เดือนกรกฎาคม- ธันวาคม.
สุวิทย์ มูลคํา และสุนันทา สุนทรประเสริฐ. (2550). การพัฒนาผลงานทางวิชาการสู่การเลื่อนวิทยฐานะ.พิมพ์ครังที 3. กรุงเทพฯ : เอเคบุ๊ค.
_______.และอรทัย มูลคํา. (2546). 19 วิธีจัดการเรียนรู้: เพื่อพัฒนาความรู้และทักษะ. กรุงเทพฯ:ภาพพิมพ์.
Mardizal, J. (2021) Efforts to Improve Student Learning Outcomes by Applying theSTAD – Type Cooperative Learning Model. Journal Inovasi Penclitian.2(6), p.1678.
Nair and Sanai. (2018). International Journal of Education and Practice Vol. 6, No. 4, pp. 239-252.Rosenshine, B., & Stevens, R. (1986). The teaching function. In M. C. Wittrock (ed.), Handbook of research on teaching (3rd ed., pp. 376-391). New York: Macmillan.
Slavin. (1995). Cooperative Learning: Theory, research and practice. (2nd ed). Massachusetts:Simon& Schuster.








