รูปแบบการบริหารเชิงกลยุทธ์แบบมีส่วนร่วมเพื่อเป็นสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข โรงเรียนอนุบาลเฉลิมพระเกียรติจังหวัดบุรีรัมย์
COLLABORATIVE STRATEGIC MANAGEMENT MODEL FOR A WHITE SCHOOL, FREE FROM DRUGS AND VICES OF ANUBAN CHALOEMPHRAKIAT BURIRAM SCHOOL
คำสำคัญ:
รูปแบบ, การบริหารเชิงกลยุทธ์แบบมีส่วนร่วม, สถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุขบทคัดย่อ
ยาเสพติดและอบายมุขเป็นปัญหาสำคัญที่คุกคามสถานศึกษาและอนาคตของเยาวชน การแก้ไขปัญหานี้อย่างยั่งยืนจึงต้องอาศัยการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย งานวิจัยนี้จึงมุ่งพัฒนาและทดลองใช้รูปแบบการบริหารเชิงกลยุทธ์แบบมีส่วนร่วม เพื่อสร้างสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข โรงเรียนอนุบาลเฉลิมพระเกียรติจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งประกอบด้วย 4 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ การป้องกัน การค้นหา การรักษาเยียวยา และการเฝ้าระวัง การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการบริหารเชิงกลยุทธ์แบบมีส่วนร่วมเพื่อเป็นสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข โรงเรียนอนุบาลเฉลิมพระเกียรติจังหวัดบุรีรัมย์ 2) เพื่อสร้างรูปแบบและคู่มือการใช้รูปแบบ 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบและคู่มือการใช้รูปแบบ และ 4) เพื่อประเมินผลการใช้รูปแบบ กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา ครู และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 40 คน เครื่องมือที่ใช้ได้แก่ แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ที่เป็นแบบกึ่งโครงสร้าง แบบบันทึกการสนทนากลุ่ม แบบประเมินความเป็นสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข แบบสอบถามเกี่ยวกับการประเมินผลผลิตของรูปแบบ แบบประเมินความเหมาะสม ความสอดคล้อง ความมีประโยชน์ และความเป็นไปได้ของรูปแบบ และแบบประเมินความพึงพอใจต่อรูปแบบ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่า PNImodified ผลการวิจัยพบว่า 1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐาน ประกอบด้วย 1) ด้านการป้องกัน 2) ด้านการค้นหา 3) ด้านการรักษาเยียวยา และ 4) ด้านการเฝ้าระวัง 2. ผลการสร้างรูปแบบ ประกอบด้วย 1) ชื่อของรูปแบบ 2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบ 3) หลักการของรูปแบบ 4) องค์ประกอบหลักของรูปแบบ 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการป้องกัน ด้านการค้นหา ด้านการรักษาเยียวยา และด้านการเฝ้าระวัง 5) การประเมินรูปแบบ และ 6) เงื่อนไขความสำเร็จของรูปแบบ 3. ผลการทดลองใช้รูปแบบ พบว่า การมีส่วนร่วมตามรูปแบบของกลุ่มเป้าหมาย วงรอบที่ 1 ร้อยละ 95.00 วงรอบที่ 2 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 100 และหลังการทดลองใช้รูปแบบสูงกว่าก่อนการทดลองใช้ทั้งสองวงรอบ โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 31.05 และ 4. ผลการประเมินรูปแบบ พบว่า ผลผลิตของรูปแบบหลังการทดลองใช้สูงกว่าก่อนการทดลอง โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.75 และความพึงพอใจต่อรูปแบบ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (µ = 4.70, σ = 0.53)
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). คู่มือการดำเนินงานโครงการสถานศึกษาสีขาวปลอดยาเสพติดและอบายมุข ฉบับปรับปรุง 2559. กระทรวงศึกษาธิการ.
กัมปนาท นาคบัว. (2565). การศึกษาแนวทางการดำเนินงานรักษาความปลอดภัยของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1. การค้นคว้าอิสระการศึกษามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยนเรศวร.
แก่นตะวัน กาญจนนันทวงศ์. (2561). รายงานการประเมินโครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข โรงเรียนอนุบาลสมุทรสาคร สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร. โรงเรียนอนุบาลสมุทรสาคร.
จุฑามาศ พันสวรรค์. (2562). การพัฒนารูปแบบการมีส่วนร่วมของคณะกรรมการสถานศึกษาในการบริหารจัดการศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เทศบาลนครเชียงใหม่. วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่.
ธีระ รุญเจริญ. (2550). ความเป็นมืออาชีพในการจัดและบริหารการศึกษายุคปฏิรูปการศึกษา (พิมพ์ครั้งที่ 4). ข้าวฟ่าง.
โรงเรียนอนุบาลเฉลิมพระเกียรติจังหวัดบุรีรัมย์. (2566). รายงานการคัดกรองนักเรียนตามระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ประจำปีการศึกษา 2566. โรงเรียนอนุบาลเฉลิมพระเกียรติจังหวัดบุรีรัมย์.
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด. (2561). ผลการปราบปรามยาเสพติดทั่วประเทศ รายงานประจำปี 2561. กระทรวงยุติธรรม.
อภิรมย์ สินชุม. (2565). การพัฒนารูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อเป็นสถานศึกษาปลอดยาเสพติดและอบายมุขโรงเรียนพิมายดำรงวิทยาคม. วารสารสมาคมพัฒนาวิชาชีพการบริหารการศึกษาแห่งประเทศไทย (สพบท.), 4(4), 1–14. https://so04.tci-thaijo.org/index.php/JAPDEAT/article/view/260773
Dawkins, M. P., Williams, M. M., & Guibault, M. (2006). Participation in school sports:Risk or protective factor for drug use among Black and White students. Journal of Negro Education, 75(1), 25–33.








