การจัดการความเหลื่อมล้ำทางด้านการศึกษาของเยาวชน ในศูนย์การเรียนรู้วัฒนธรรมมอญ วัดป้อมวิเชียรโชติการาม จังหวัดสมุทรสาคร

MANAGING EDUCATIONAL DISPARITIES AMONG YOUTH IN THE MON CULTURAL LEARNING CENTER POM WICHIAN CHOTIKARAM TEMPLE SAMUT SAKHON PROVINCE

ผู้แต่ง

  • พระมหาไกรวิทย์ ธนปาโล (บางปลา) วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
  • พระเจริญพงษ์ วิชัย, ผศ. ดร วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

คำสำคัญ:

การจัดการความเหลื่อมล้ำ, การศึกษาของเยาวชน, ศูนย์การเรียนรู้วัฒนธรรมมอญ, วัดป้อมวิเชียรโชติการาม, จังหวัดสมุทรสาคร

บทคัดย่อ

บทความวิจัยนี้เป็นการศึกษาแนวทาง “การจัดการความเหลื่อมล้ำทางด้านการศึกษาของเยาวชนในศูนย์การเรียนรู้วัฒนธรรมมอญ วัดป้อมวิเชียรโชติการาม จังหวัดสมุทรสาคร” การวิจัยในครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม โดยผู้วิจัยได้เก็บข้อมูลจากเอกสาร ปฐมภูมิ และทุติยภูมิ การสัมภาษณ์เชิงลึก และร่วมสังเกตุกิจกรรมเกี่ยวกับการจัดการความเหลื่อมล้ำทางด้านการศึกษา ผลการวิจัยพบว่า

  1. สภาพปัญหาและความต้องการทางด้านการศึกษา พบว่า ยาวชนในศูนย์การเรียนรู้วัฒนธรรมมอญ วัดป้อมวิเชียรโชติการาม จังหวัดสมุทรสาคร ประสบกับอุปสรรคสำคัญในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ ได้แก่ ปัญหาด้านเศรษฐกิจ ครอบครัวมีรายได้น้อย ทำให้ขาดแคลนทุนทรัพย์ในการศึกษา ปัญหาด้านภาษา เยาวชนบางส่วนไม่ถนัดภาษาไทย ส่งผลให้เกิดความยากลำบากในการเรียนรู้และทำความเข้าใจเนื้อหาวิชาต่าง ๆ ขาดความรู้และการเข้าถึงสิทธิทางการศึกษาที่พึงได้รับ
  2. แนวทางการเสริมสร้างการจัดการความเหลื่อมล้ำทางด้านการศึกษา พบว่า การดำเนินงานของศูนย์การเรียนรู้ฯ ได้พัฒนาแนวทางที่ตอบสนองต่อปัญหา ได้แก่ การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการที่ผสมผสานภาษาและวัฒนธรรมมอญ เพื่อให้เยาวชนเรียนรู้ได้อย่างเข้าใจง่าย การจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมความสามัคคีและความสัมพันธ์ในกลุ่มเยาวชน การประเมินและปรับปรุงหลักสูตรให้เหมาะสมกับบริบทเฉพาะของเยาวชนมอญ การอบรมครูให้เข้าใจวัฒนธรรมและบริบทเฉพาะของผู้เรียน การเปิดพื้นที่รับฟังความคิดเห็นจากเยาวชนและผู้ปกครอง เพื่อให้การจัดการเรียนรู้ตอบโจทย์ความต้องการจริง
  3. แนวทางการส่งเสริมเครือข่ายเพื่อจัดการความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา พบว่า การจัดการความเหลื่อมล้ำจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อมีการดำเนินการร่วมกันในลักษณะเครือข่าย ได้แก่ การพัฒนาหลักสูตรที่เหมาะสมกับอัตลักษณ์ของเยาวชนมอญ การจัดสรรและสนับสนุนทุนการศึกษา จนถึงการเสริมบทบาทของชุมชนและครอบครัวในการมีส่วนร่วมกับกระบวนการเรียนรู้ การสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างศูนย์การเรียนรู้ หน่วยงานภาครัฐ องค์กรพัฒนาเอกชน และเครือข่ายท้องถิ่นอื่น ๆ โดยการเชื่อมกิจกรรมการเรียนรู้กับบริบททางวัฒนธรรม ภาษา และเศรษฐกิจของชุมชนมอญ เป็นกลไกสำคัญในการลดช่องว่างทางการศึกษา

เอกสารอ้างอิง

กนิษฐนันท์ ทรัพย์ศฤงฆรา. (2564). “แนวทางการจัดการศึกษาบุตรแรงงานข้ามชาติโดยองค์กรพัฒนาเอกชนที่เหมาะสม พื้นที่จังหวัด สมุทรสาคร”.วิทยานิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยศรีนคริทรวิโรฒ.

นางรัตนา จักกะพาก. (2558). “การพัฒนารูปแบบการจัดการศึกษาสำหรับบุตรแรงงานต่างด้าวในประเทศไทย”.วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาพัฒนศึกษา. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยศิลปกร.

นายธนกร วรพิทักษ์. (2564). “ผลกระทบของความเหลื่อมลํ้าต่อการเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาของนักเรียนไทย”.วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาพัฒนาสมนุษย์และสังคม. บัณฑิตวิทยาลัย: จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย.

ประภาศรี สีหอำไพ. (2535). พื้นฐานการศึกษาทางศาสนาและจริยธรรม. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

พุทธทาสภิกขุ. มหาวิทยาลัยต่อหางสุนัข. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์สมชายการพิมพ์. 2526.

ศักดิ์ชัย นิรัญทวี. (2548). รายงานการวิจัยการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้เป็นพลเมืองดี. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา.

สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน). (2547). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา องค์การมหาชน.

สิปปนนท์เกตุฑัต. (2539). “การศึกษาไทยในยุคโลกาภิวัฒน์.” ใน ประถมศึกษาสัมพันธ์ครั้งที่ 14. ขอนแก่น: คณะศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-08-30

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย