การส่งเสริมการทำงานเป็นทีมของผู้บริหารสถานศึกษาในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาปทุมธานี
PROMOTION OF TEAMWORK AMONG SCHOOL ADMINISTRATORS IN EDUCATIONAL INSTITUTIONS UNDER THE SECONDARY EDUCATIONAL SERVICE AREA OFFICE PATHUM THANI
คำสำคัญ:
การทำงานเป็นทีม, ความต้องการจำเป็น, การส่งเสริมการทำงานเป็นทีมบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพจริงที่เป็นอยู่และสภาพที่ควรจะเป็นของการทำงานเป็นทีมของผู้บริหารสถานศึกษาในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาปทุมธานี 2) ศึกษาความต้องการจำเป็นในการทำงานเป็นทีมของผู้บริหารสถานศึกษาในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาปทุมธานี และ 3) เสนอแนวทางในการส่งเสริมการทำงานเป็นทีมของผู้บริหารสถานศึกษาในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาปทุมธานี กลุ่มตัวอย่าง ประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอนในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาปทุมธานี จำนวน 327 คน และผู้ให้ข้อมูลเชิงลึก ประกอบด้วยผู้บริหารสถานศึกษาที่ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการหรือรองผู้อำนวยการ และมีวิทยฐานะตั้งแต่ระดับชำนาญการขึ้นไป จำนวน 5 คน ซึ่งได้ข้อมูลโดยการสัมภาษณ์เชิงลึก เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แบบสอบถามเกี่ยวกับการทำงานเป็นทีมของผู้บริหารสถานศึกษา แบ่งออกเป็น 2 ตอน และ 2) แบบสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง ใช้สำหรับสัมภาษณ์ผู้บริหารจำนวน 5 คนที่เลือกแบบเจาะจง เพื่อวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับแนวทางในการพัฒนาแบบสอบถาม โดยเน้นการประเมินการส่งเสริมการทำงานเป็นทีมจากมุมมองของผู้บริหารสถานศึกษา ผลการวิจัยพบว่า สภาพจริงของการทำงานเป็นทีมของผู้บริหารสถานศึกษาโดยรวมอยู่ในระดับมาก( = 3.67, S.D.=.53) ขณะที่สภาพที่ควรจะเป็นอยู่ในระดับมากที่สุด โดยด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือการจัดการความขัดแย้งในทีม ( = 3.69, S.D.=.55) สำหรับความต้องการจำเป็น (PNIModified) โดยรวมมีค่าเท่ากับ .158 โดยด้านที่มีความต้องการจำเป็นมากที่สุดคือ การสร้างวัฒนธรรมทีมที่ดี (PNIModified= .165) จากผลการวิจัยดังกล่าว ผู้วิจัยได้นำเสนอแนวทางการส่งเสริมการทำงานเป็นทีมของผู้บริหารสถานศึกษาในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาปทุมธานี และได้รับการยืนยันจากผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งสามารถนำไปใช้เป็นกรอบแนวทางในการพัฒนาองค์กรโดยหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อยกระดับคุณภาพการบริหารจัดการศึกษา ส่งเสริมการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ และส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพผู้เรียนในภาพรวมดังนี้ ด้านที่มีความต้องการจำเป็นสูงสุด คือ การสร้างวัฒนธรรมทีมที่ดี ผู้บริหาร ครู และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องควรตระหนักและร่วมกันสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เอื้อต่อความร่วมมือ เกื้อกูล และยอมรับซึ่งกันและกัน อันเป็นพื้นฐานของการทำงานเป็นทีมที่ยั่งยืน ด้านที่สอง คือ การตั้งเป้าหมายร่วมกัน ควรส่งเสริมการประชุมวางแผนโดยมีการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน เพื่อกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน ร่วมกันสนับสนุน และดำเนินงานไปในทิศทางเดียวกัน ด้านที่สาม คือ การเสริมสร้างความไว้วางใจในทีม ควรมีการมอบหมายงานตามความถนัด เปิดโอกาสให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และจัดกิจกรรมเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีภายในทีมอย่างต่อเนื่อง แนวทางเหล่านี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาศักยภาพผู้บริหารสถานศึกษาให้สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ และเป็นฐานสำคัญในการยกระดับประสิทธิภาพการบริหารจัดการและการพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างยั่งยืนในระยะยาว
เอกสารอ้างอิง
ประเสริฐ ศรีสุข. (2559). การบริหารงานแบบมีส่วนร่วมในสถานศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สมชาย จันทรา. (2560). การบริหารเชิงนโยบายเพื่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช.
สายันต์ กิตติศักดิ์. (2561). การสร้างวัฒนธรรมองค์กรเพื่อสนับสนุนการทำงานเป็นทีมในสถานศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 1. เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
ณรงค์ ภูมิพัฒน์. (2562). การบริหารสถานศึกษาในยุคการเปลี่ยนแปลง. พิมพ์ครั้งที่ 1. ปทุมธานี: มหาวิทยาลัย กรุงเทพ.
วิทยา สุขา. (2563). อุปสรรคในการทำงานเป็นทีมของผู้บริหารสถานศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 1. ขอนแก่น: มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
นพวรรณ คงพริ้ว. (2563). การเสริมสร้างภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
ชลธิชา บัวทอง. (2564). การพัฒนาทีมงานในองค์กรทางการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 1. นนทบุรี. มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
สุภรัตน์ จิตเจริญ. (2567). การทำงานเป็นทีมในองค์กรยุคใหม่. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
วิมลพร ศรีสุวรรณ. (2565). การบูรณาการการบริหารในสถานศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ณัฐวุฒิ มหาวิน. (2565). การพัฒนาทีมงานเพื่อเพิ่มประสิทธิผลของโรงเรียน. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: รังสิต.
ทิพวรรณ ยศบุญ และ กฤษกนก ดวงชาทม. (2566). การพัฒนาสมรรถนะการทำงานเป็นทีมของครู. พิมพ์ครั้งที่ 1. มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
ชินภัทร ฉิมทอง และ ธีระวัฒน์ มอนไธสง. (2567). แนวทางการเสริมสร้างการทำงานเป็นทีมของครูในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครนายก. พิมพ์ครั้งที่ 1. นครนายก: มหาวิทยาลัยราชภัฏ นครนายก.
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาปทุมธานี. (2568). รายงานสถานการณ์การบริหารสถานศึกษาในจังหวัดปทุมธานี ปี 2568. พิมพ์ครั้งที่ 1. ปทุมธานี: สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาปทุมธานี.
Kiinthi, A. (2019). Developing teamwork among teachers in secondary schools. 1st ed. Nairobi: Kenya Educational Press.
Lencioni, P. (2020). The five dysfunctions of a team: A leadership fable. 2nd ed. San Francisco: Jossey-Bass.
Robbins, S. P., & Judge, T. A. (2020). Organizational behavior. 18th ed. Upper Saddle River, NJ: Pearson Education.
Smith, J., & Lee, H. (2021). School leadership in the digital era. 1st ed. Boston: McGraw-Hill Education.
Salas, E., Sims, D. E., & Burke, C. S. (2021). Teamwork and collaboration in professional learning communities. 1st ed. Washington, DC: APA Publishing.
Hackman, J. R. (2022). Leading teams: Setting the stage for great performances. 2nd ed. New York: Harvard Business Review Press.
Jones, M. L. (2022). Team dynamics and school leadership. 1st ed. London: Routledge.
Roberts, C., & Chen, L. (2023). Collaboration in educational leadership. 1st ed. New York: Springer.
Parker, S. K., Axtell, C. M., & Turner, N. (2023). Designing effective work teams in education. 1st ed. Cambridge: Cambridge University Press.








