การทำงานเป็นทีมของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาระยอง เขต 2
TEAMWORK OF THE SCHOOL ADMINISTRATORS UNDER THE RAYONG PRIMARY EDUCATIONAL SERVICE AREA OFFICE 2
คำสำคัญ:
การทำงานเป็นทีม, ผู้บริหารสถานศึกษาบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบการบริหารการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของผู้บริหารสถานศึกษา จำแนกตามเพศ ระดับการศึกษา ประสบการณ์การทำงานและขนาดสถานศึกษา และเพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาการบริหารการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาระยอง เขต 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษาและครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาระยอง เขต 2 จำนวน 300 คน กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างจากตารางกำหนดกลุ่มตัวอย่างของเครจซี่และมอร์แกนและสุ่มแบบชั้นภูมิ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามประมาณค่า 5 ระดับ มีค่าความตรงเชิงเนื้อหา (IOC) เท่ากับ 0.60 – 1.00 ได้ค่าความเชื่อมั่น (Cronbach’s Alpha) เท่ากับ 0.93 และแบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้างเกี่ยวกับการบริหารการจัดการเรียนรู้เชิงรุก สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว การทดสอบความแตกต่างรายคู่โดยวิธีของเชฟเฟ่และการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัย พบว่า
- การบริหารการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของผู้บริหารสถานศึกษา โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก เรียงอันดับจากค่าเฉลี่ยมากไปหาน้อย ได้แก่ ด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ด้านการสนับสนุนสื่อ เทคโนโลยีและแหล่งเรียนรู้ ด้านการนิเทศภายใน กำกับ ติดตาม ด้านการวางแผนและกำหนดนโยบายและด้านการส่งเสริมการพัฒนาครู ตามลำดับ
- การบริหารการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของผู้บริหารสถานศึกษา จำแนกตามเพศ โดยรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน เมื่อจำแนกตามระดับการศึกษา ประสบการณ์การทำงานและขนาดสถานศึกษา พบว่า โดยรวมและรายด้านทุกด้านแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
- แนวทางการพัฒนาการบริหารการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของผู้บริหารสถานศึกษามีดังนี้ ผู้บริหารสถานศึกษาควรมีการวางแผน ส่งเสริมให้ครูใช้สื่อ เทคโนโลยีและแหล่งเรียนรู้ ส่งเสริมการพัฒนาครู กำหนดนโยบายและตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน สร้างวิสัยทัศน์ร่วมกัน มีการจัดระบบการนิเทศภายใน กำกับ ติดตามและส่งเสริมให้ครูนำผลจากการวัดและประเมินผลมาพัฒนาการจัดการเรียนรู้เชิงรุกและพัฒนาศักยภาพผู้เรียน
เอกสารอ้างอิง
กาญจนา สุระคำ. (2562). ภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อการทำงานเป็นทีมของครูในสถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาจันทบุรี. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. จันทบุรี. มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี.
กาญจนา ช้างเยาว์. (2561). การทำงานเป็นทีมของข้าราชการครูในโรงเรียนระยองวิทยาคม อำเภอเมือง จังหวัดระยอง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 18. งานนิพนธ์ศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. ชลบุรี. มหาวิทยาลัยบูรพา.
ธานินทร์ ศิลป์ จารุ. (2550). การวิจัยและวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วยSPSS. กรุงเทพฯ. บริษัท วี. อินเตอร์พริ้นท์.
นพวรรณ คงพริ้ว. (2563). บทบาทการทำงานเป็นทีมของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาจันทบุรี. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการบริหารการศึกษา. จันทบุรีมหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี.
นันท์นภัส พิมพ์กรกิติกุล. (2565). แนวทางการทำงานเป็นทีมในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 2. วารสารพุทธสังคมวิทยาปริทรรศน์. 7(4), 13-26.
นัฐธิดา วงษ์รอต. (2560). การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบของการทำงานเป็นทีมกับการดำเนินงานวิชาการของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 5. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต. สาขาบริหารการศึกษาพระนครศรีอยุธยา. มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา.
พัสวีพิชญ์ ศิลาสุวรรณ. (2562). การทำงานเป็นทีมของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขต
พื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี. วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาสตรมหาบัณฑิต. ปทุมธานี. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี.
พิมลพรรณ เพชรสมบัติ. (2560). 2,มกราคม-เมษายน. ภาวะผู้นำกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์.วารสาร มจร. การพัฒนาสังคม
เพิ่มสุข อนันต์มั่งคั่ง. (2560). การศึกษาการทำงานเป็นทีมของครูโรงเรียนมารีวิทย์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 3. การบริหารการศึกษา. งานนิพนธ์ปริญญาศึกษามหาบัณฑิตสาขาวิชาการบริหารการศึกษา. ชลบุรี. มหาวิทยาลัยบูรพา.
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาระยองเขต 2. (2566). ข้อมูลพื้นฐานทางการศคึกษา พ.ศ.2566.กระทรวงศึกษาธิการ.
สำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ. (2566). แผนยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ.2561 – 2580) . ราชกิจจานุเบกษา.
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี. (2566).แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่13 (พ.ศ. 2566-2570). ราชกิจจานุเบกษา.
สิทธิศักดิ์ เพ็ชรยิ้ม. (2563). การทำงานเป็นทีมที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 22. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. สกลนคร. มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร.
อริศษรา อุ่มสิน. (2560). การศึกษาการทำงานเป็นทีมของครูผู้สอนในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 17. วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี.
เอริค นที เลอนอบ. (2562). การศึกษาบทบาทการทำงานเป็นทีมของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปราจีนบุรี. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการบริหารการศึกษา.มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี.
Krejcie, R. V. & Morgan, D. W. (1970). Determining Sample Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607-610.
McCloskey, J.C.,& Mass, M.(1998). Interdisciplinary team. The nursing perspective is essential.
Nursing Outlook, 46(4), 157-163.
Robbins, S .P. (2001). Organizational behavior. (9th ed.). Prentice Hall.
Romig, D. (1996). Breakthrough Teamwork. Outstanding results using structured teamwork. Chicago: Irwin.