การพัฒนาความสามารถทางการอ่านออกเสียงสัทอักษร(พินอิน) และความพึงพอใจ โดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิคSTAD ร่วมกับสื่อประสม ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
THE DEVELOPMENT OF PHONETIC PRONUNCIATION ABILITY (PINYIN) AND SATISFACTION USING STAD COOPERATIVE LEARNING TECHNIQUE WITH MULTIMEDIA OF MATHAYOM 1 STUDENTS
คำสำคัญ:
การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับสื่อประสม, ความสามารถทางการอ่านออกเสียงสัทอักษร (พินอิน), ความพึงพอใจบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบความสามารถทางการอ่านออกเสียงสัทอักษร (พินอิน) โดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับสื่อประสมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 1 ก่อนเรียนและหลังเรียน 2) เปรียบเทียบความสามารถทางการอ่านออกเสียงสัทอักษร (พินอิน) โดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับสื่อประสมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 1 หลังเรียนกับเกณฑ์ที่กำหนดร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม และ 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ต่อการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิคSTADร่วมกับสื่อประสม กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนหนองฮีเจริญวิทย์ จำนวน 30 คน ซึ่งได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้ 2) แบบวัดความสามารถทางการอ่าน และ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติที (t-test)
ผลการวิจัยพบว่า 1) ความสามารถทางการอ่านออกเสียงสัทอักษร (พินอิน) โดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับสื่อประสมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ก่อนเรียนและหลังเรียนมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 11.60 และ 23.33 คะแนน ตามลำดับ 2) ความสามารถทางการอ่านออกเสียงสัทอักษร (พินอิน) โดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับสื่อประสมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 หลังเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 23.33 คะแนน จากคะแนนเต็ม 30 คะแนน และเกณฑ์ผ่านเท่ากับ 21.00 คะแนน หรือคิดเป็นร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม และ 3) ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ต่อการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิคSTADร่วมกับสื่อประสมมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ (x̄ = 4.72 , S.D. = 0.24 ) ผลค่าระดับความพึงพอใจอยู่ในระดับ มากที่สุด
จากผลการวิจัยนี้ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในวิชาภาษาต่างประเทศอื่นๆ เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านออกเสียง หรือใช้เป็นแนวทางในการออกแบบการเรียนรู้ที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของนักเรียนผ่านเทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือและสื่อประสมในบริบทการเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น การพัฒนาทักษะด้านภาษา การอ่านเขียน หรือแม้กระทั่งวิชาที่ต้องการความเข้าใจเชิงโครงสร้างและการปฏิบัติ