เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน เพื่อส่งบทความ

ในขั้นตอนการส่งบทความ ผู้แต่งต้องตรวจสอบและปฏิบัติตามข้อกำหนดรายการตรวจสอบการส่งทุกข้อ ดังต่อไปนี้ และบทความอาจถูกส่งคืนให้กับผู้แต่งกรณีที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดทั้งหมด

  • บทความเรื่องนี้ยังไม่เคยตีพิมพ์หรืออยู่ในระหว่างการพิจารณาเพื่อตีพิมพ์ในวารสารอื่น (หากมีกรุณาอธิบายในข้อความถึงบรรณาธิการ)
  • บทความเตรียมในรูปแบบของไฟล์ Microsoft Word
  • มีการให้ URLs ที่เข้าถึงได้ สำหรับเอกสารที่อ้างอิงจากอินเทอร์เน็ต
  • บทความพิมพ์แบบใช้ระยะห่างบรรทัดปกติ (single-spaced) ขนาดฟ้อนท์ตัวอักษร 16pt(ในภาษาไทย) และ 12 pt(ในภาษาอังกฤษ) ใช้ตัวเอนแทนการขีดเส้นใต้สำหรับสังกัดผู้แต่ง (ยกเว้น ที่อยู่ URL) และ ระบุข้อมูล รูปวาด รูปภาพ และตาราง ในตำแหน่งที่เหมาะสม เป็นตามข้อกำหนดของวารสาร
  • บทความเตรียมตามข้อกำหนด ทั้งในด้านของรูปแบบและการเขียนเอกสารอ้างอิง ตามคำแนะนำสำหรับผู้แต่ง (Author Guidelines)

การเตรียมต้นฉบับ
(ดาวน์โหลดแบบฟอร์ม)

1.ภาษา  เขียนบทความเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ แต่ละเรื่องจะต้องมีบทคัดย่อทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ  การใช้ภาษาไทยให้ยึดหลักการใช้คำศัพท์และการเขียนทับศัพท์ภาษาอังกฤษตามหลักของราชบัณฑิตยสถาน อย่างไรก็ตาม ให้หลีกเลี่ยงการเขียนภาษาอังกฤษปนภาษาไทยในข้อความ ยกเว้นกรณีจำเป็น เช่น ศัพท์ทางวิชาการที่ไม่มีคำแปล หรือคำที่ใช้แล้วทำให้เข้าใจง่ายขึ้น คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เขียนปนภาษาไทยให้ใช้ตัวเล็กทั้งหมด ยกเว้นชื่อเฉพาะ  สำหรับต้นฉบับภาษาอังกฤษ ควรได้รับการตรวจสอบความถูกต้องด้านการใช้ภาษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาอังกฤษก่อน

2.ขนาดของต้นฉบับ  ใช้กระดาษขนาด A4 (8.5 x 11 นิ้ว) และพิมพ์โดยเว้นระยะห่างจากขอบกระดาษด้านละ 1 นิ้ว จัดเป็นหนึ่งคอลัมน์ ระยะห่างระหว่างบรรทัดใช้ single space รวมไม่เกิน 15 หน้า

3.
ชนิดและขนาดตัวอักษร  ดังรายละเอียด
3.1 หน้าแรกของบทความ เป็นส่วนของ ชื่อเรื่อง, ชื่อ-นามสกุลผู้นิพนธ์, ต้นสังกัดหรือที่อยู่ของผู้นิพนธ์, บทคัดย่อ และคำสำคัญ เฉพาะภาษาไทย โดยกำหนด font และขนาด font ดังนี้
-ชื่อเรื่อง ใช้ฟอนท์  TH SarabunPSK ขนาด 18 pt. ตัวหนา
-ชื่อ-นามสกุลผู้นิพนธ์ ใช้ฟอนท์  TH SarabunPSK ขนาด 15 pt. ตัวปกติ
-ต้นสังกัดหรือที่อยู่ของผู้นิพนธ์ ใช้ฟอนท์  TH SarabunPSK ขนาด 15 pt. ตัวปกติ
-บทคัดย่อ ใช้ฟอนท์  TH SarabunPSK ขนาด 16 pt. ตัวปกติ (300 คำ)
-คำสำคัญ (ไม่เกิน 5 คำ) ใช้ฟอนท์  TH SarabunPSK ขนาด 16 pt. ตัวหนา/ปกติ
3.2 หน้าที่สองของบทความ เป็นส่วนของ ชื่อเรื่อง, ชื่อ-นามสกุลผู้นิพนธ์, ต้นสังกัดหรือที่อยู่ของผู้นิพนธ์, บทคัดย่อ และคำสำคัญ เฉพาะภาษาอังกฤษ (ดูใน Template) โดยกำหนด font และขนาด font ดังนี้
-ชื่อเรื่อง ใช้ฟอนท์  Time New Roman ขนาด 16 pt. ตัวหนา
-ชื่อ-นามสกุลผู้นิพนธ์ ใช้ฟอนท์  Times New Roman ขนาด 12 pt. ตัวปกติ
-ต้นสังกัดหรือที่อยู่ของผู้นิพนธ์ ใช้ฟอนท์  Times New Roman ขนาด 11 pt. ตัวปกติ
-บทคัดย่อ ใช้ฟอนท์  Times New Roman ขนาด 12 pt. ตัวปกติ (300 คำ)
-คำสำคัญ (ไม่เกิน 5 คำ) ใช้ฟอนท์  Times New Roman ขนาด 12 pt. ตัวหนา/ปกติ
3.3 หัวข้อหลัก ใช้ฟอนท์  TH SarabunPSK ขนาด 16 pt. ตัวหนา (ดูใน Template)
3.4 เนื้อหา ใช้ฟอนท์  TH SarabunPSK ขนาด 16 pt.  ตัวปกติ (ดูใน Template)  
3.5 เอกสารอ้างอิงภาษาไทย ใช้ฟอนท์  TH SarabunPSK ขนาด 16 pt.  ตัวปกติ, ส่วนเอกสารอ้างอิงภาษาอังกฤษ ใช้ฟอนท์  Times New Roman ขนาด 12 pt. ตัวปกติ

4.การพิมพ์ต้นฉบับ ผู้เสนอผลงานจะต้องพิมพ์และส่งต้นฉบับในรูปแบบของแฟ้มข้อมูลเป็น “.doc” หรือ “.docx” (MS Word) เท่านั้น
5.จำนวนหน้า  ความยาวของบทความไม่เกิน 15 หน้า รวมตาราง รูปภาพ และเอกสารอ้างอิง
6.รูปภาพ ในกรณีที่ผู้เขียนบทความ มีภาพ กราฟฟิก หรือแผนภูมิประกอบบทความ ควรบันทึกไฟล์รูปภาพ กราฟฟิก หรือแผนภูมิเป็นนามสกุล “.jpg” หรือ “.jpeg” โดยเขียนบรรยายใต้ภาพ ตัวอักษรขนาด 16 pt

รูปแบบการเขียนต้นฉบับ

บทความวิจัย

1.
ชื่อเรื่อง (Title) ควรสั้น กะทัดรัด และสื่อเป้าหมายหลักของงานวิจัย ไม่ใช้คำย่อ ความยาวไม่ควรเกิน 100 ตัวอักษร ชื่อเรื่องให้มีทั้งภาษาไทย และอังกฤษ โดยให้นำชื่อเรื่องภาษาไทยขึ้นก่อน
2.ชื่อผู้นิพนธ์ Author(s) และที่อยู่ ให้มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และระบุตำแหน่งทางวิชาการ หน่วยงานหรือสถาบัน ที่อยู่ และ E-mail address ของผู้นิพนธ์ เพื่อกองบรรณาธิการใช้ติดต่อเกี่ยวกับต้นฉบับและบทความที่ตีพิมพ์แล้ว
3.บทคัดย่อ (Abstract) เป็นการย่อเนื้อความงานวิจัยทั้งเรื่องให้สั้น และมีเนื้อหาครบถ้วนตามเรื่องเต็ม ความยาวไม่เกิน 300 คำ หรือ 15 บรรทัด ไม่ควรใช้คำย่อที่ไม่เป็นสากล และให้บทคัดย่อภาษาไทยขึ้นก่อนภาษาอังกฤษ
4.คำสำคัญ (Keywords) ให้ระบุไว้ท้ายบทคัดย่อของแต่ละภาษา ไม่เกิน 5 คำ
5.บทนำ (Introduction) เป็นส่วนเริ่มต้นของเนื้อหา ที่บอกความเป็นมา เหตุผล และวัตถุประสงค์ ที่นำไปสู่การทำงานวิจัยนี้ รวมถึงทฤษฎี วรรณกรรมที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยในครั้งนี้พอสังเขป
6.วิธีดำเนินการวิจัย (Research Methodology) ให้ระบุรายละเอียดวิธีการศึกษาวิจัย ประกอบด้วยขอบเขต  ประชากร กลุ่มตัวอย่าง เครื่องมือ วิธีการเก็บข้อมูล และวิธีการวิเคราะห์ข้อมูลตามลักษณะที่เหมาะสมของงานวิจัย 
7.ผลการวิจัย (Results) รายงานผลการศึกษาที่ค้นพบ ตามลำดับหัวข้อของการศึกษาวิจัย อย่างชัดเจนได้ใจความ ถ้าผลไม่ซับซ้อน ไม่มีตัวเลขมาก ควรใช้คำบรรยาย แต่ถ้ามีตัวเลข หรือตัวแปรมาก ควรใช้ตาราง กราฟ หรือแผนภูมิแทน ในบทความไม่ควรมีเกิน 5 ตาราง หรือแผนภูมิ
8.การอภิปรายและสรุปผล (Discussion and Conclusion) แสดงให้เห็นว่าผลการศึกษาตรงกับวัตถุประสงค์ของงานวิจัย หรือแตกต่างไปจากผลงานที่มีผู้รายงานไว้ก่อนหรือไม่ อย่างไร เหตุผลใดจึงเป็นเช่นนั้น และมีพื้นฐานอ้างอิงที่เชื่อถือได้ และให้จบด้วยข้อเสนอแนะที่จะนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ ควรมีประเด็นคำถามการวิจัย ซึ่งเป็นแนวทางสำหรับการวิจัยต่อไป
9.ตาราง รูปภาพ แผนภูมิ (Table, figure, and diagram) ควรคัดเลือกเฉพาะที่จำเป็น แยกออกจากเนื้อเรื่อง โดยเรียงลำดับให้สอดคล้องกับคำอธิบายในเนื้อเรื่อง และต้องมีคำอธิบายสั้น ๆ แต่สื่อความหมายได้สาระครบถ้วน กรณีที่เป็นตาราง คำอธิบายอยู่ด้านบน ส่วนรูปภาพ แผนภูมิ คำอธิบายอยู่ด้านล่าง
10.กิตติกรรมประกาศ (Acknowledgement) ระบุสั้น ๆ ว่างานวิจัยนี้ได้รับทุนสนับสนุน และความช่วยเหลือจากองค์กรใด หรือบุคคลใดบ้าง
11.องค์ความรู้ใหม่ (ต้องมี) ให้ผู้เขียนสรุปแนวคิด หรือ องค์ความรู้ใหม่ที่เกิดจากการสังเคราะห์วิเคราะห์ในบทความ ประมาณ 1 ย่อหน้า ไม่เกิน 10 บรรทัด หรือ ทำเป็นภาพ หรือ แผนภูมิ เพื่อนำเสนอองค์ความรู้ใหม่
12.เอกสารอ้างอิง ระบุรายการเอกสารอ้างอิงให้ครบถ้วนที่ท้ายเรื่อง โดยใช้ระบบการอ้างอิงแบบ APA (6th Edition)  

บทความวิชาการ
ต้องมีส่วนประกอบหลัก ได้แก่ ชื่อเรื่อง ชื่อผู้นิพนธ์ บทคัดย่อ คำสำคัญ บทนำ เนื้อหา บทสรุป องค์ความรู้ใหม่ และเอกสารอ้างอิง 

บทวิจารณ์หนังสือ
ต้องมีส่วนประกอบหลัก ได้แก่ ข้อมูลทางบรรณานุกรม ชื่อผู้วิจารณ์ บทวิจารณ์

การส่งต้นฉบับและการพิจารณา
ผู้นิพนธ์บทความสามารถศึกษาวิธีการจัดทำต้นฉบับได้จากเว็บไซต์วารสารออนไลน์ และจัดทำต้นฉบับบทความดำเนินการส่งบทความในระบบวารสารออนไลน์ พร้อมส่งหลักฐานหลักฐานและแบบฟอร์มยืนยันการไม่ตีพิมพ์ซ้ำซ้อนในทาง กระทู้คำถามในระบบ ThaiJo ในกรณีผู้เขียนยังไม่ส่งเอกสารหลักฐานและแบบฟอร์มยืนยันการไม่ตีพิมพ์ซ้ำซ้อนภายใน 4 สัปดาห์ นับจากวันส่งบทความเข้าระบบ ทางวารสารจะไม่ดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับบทความนั้น ๆ ขอปฏิเสธและนำบทความนั้นออกจากระบบโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ จากนั้นกองบรรณาธิการจะดำเนินการต่อดังต่อไปนี้ 
1. กองบรรณาธิการจะรอจนกว่าผลการตรวจสอบโดย CopyCatch จะปรากฏ ถ้าตรวจสอบพบความซ้ำซ้อนของเนื้อหาไม่เกิน 25% จะดำเนินการตรวจสอบรูปแบบ ในกรณีที่รูปแบบยังไม่ถูกต้องจะแจ้งให้ผู้เขียนแก้ไขบทความแล้วส่งในระบบใหม่  กรณีที่ไม่ยอมแก้ไขภายใน 2 สัปดาห์วารสารจะปฏิเสธรับบทความของท่านอย่างไม่มีเงื่อนไข
2. ในกรณีที่รูปแบบบทความถูกต้องแล้ว กองบรรณาธิการจะส่งให้ผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่านตรวจผ่านระบบออนไลน์โดยวิธีปกปิดข้อมูลของทั้งสองฝ่าย (Double-Blinded) โดยอาจจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน
3.กรณีที่ผู้ทรงคุณวุฒิตรวจบทความให้ผ่าน กองบรรณาธิการจะส่งผลการตรวจให้ผู้นิพนธ์บทความแก้ไข โดยอาจใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ ในกรณีที่ผู้ทรงคุณวุฒิไม่ให้ผ่านทั้ง 3 ท่าน กองบรรณาธิการขอปฏิเสธการตีพิมพ์บทความของท่าน ยกเว้นกรณีที่ผ่าน 2 ใน 3 โดยจะแจ้งให้ท่านทราบด้วยการแจ้งเตือนผ่านระบบวารสารออนไลน์
4.ในกรณีที่ผู้เขียนไม่ยอมแก้ไขบทความคืนกองบรรณาธิการภายใน 4 สัปดาห์หลังจากได้รับการแจ้งเตือนจากระบบวารสารออนไลน์ กองบรรณาธิการขอปฏิเสธการตีพิมพ์อย่างไม่มีเงื่อนไข 

การอ้างอิงเอกสาร
การอ้างอิงในเนื้อหา ใช้รูปแบบ APA 7th Edition คือ ระบุเพียงนามผู้เขียน และปีที่พิมพ์