การพัฒนาทักษะการอ่านออกเสียงสะกดคำภาษาอังกฤษ (Phonics) โดยใช้แบบฝึกทักษะ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาทักษะการเขียนภาษาอังกฤษโดยใช้บัตรคำ 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนในการเขียนภาษาอังกฤษก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้บัตรคำและ
3) เพื่อสอบถามความพึงพอใจในการเรียนภาษาอังกฤษโดยใช้บัตรคำ รูปแบบการวิจัยเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ พื้นที่วิจัย คือโรงเรียนบ้านท่าช้าง กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยคือนักเรียนชั้นประถมศึกษา ชั้นปีที่ 5 โรงเรียนบ้านท่าช้าง จำนวน 38 คน ใช้วิธีคัดเลือกแบบการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจงเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมี 4 ชนิด คือ 1) แบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษโดยใช้บัตรคำสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/1 จำนวน 8 ชุด 2) แผนการจัดการเรียนรู้การพัฒนาทักษะการเขียนภาษาอังกฤษโดยใช้บัตรคำสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/1 จำนวน 8 แผน 8 ชั่วโมง 3) แบบทดสอบทางการเขียนภาษาอังกฤษโดยใช้บัตรคำแบบเติมคำหรือเลือกตอบ จำนวน 20 ข้อ 4) แบบวัดความพึงพอใจของผู้เรียนต่อการเรียนภาษาอังกฤษโดยใช้บัตรคำสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/1 จำนวน 15 ข้อ 1 ฉบับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติอ้างอิง ในกรณีการวิจัยเชิงปริมาณ ส่วนการวิจัยเชิงคุณภาพ ใช้วิเคราะห์เนื้อหาแล้วเขียนบรรยายเชิงพรรณนา) ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการวิจัยตามวัตถุประสงค์ข้อที่ 1 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/1 มีผลสัมฤทธิ์ทักษะในด้านการเขียนดีขึ้น
2. ผลการวิจัยตามวัตถุประสงค์ข้อที่ 2 ผลการเปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนก่อนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษโดยใช้บัตรคำศัพท์และรูปภาพสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/1 สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ผลการวิจัยตามวัตถุประสงค์ข้อที่ 3 ความพึงพอใจของนักเรียนต่อการใช้แบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษโดยใช้บัตรคำศัพท์และรูปภาพสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/1 โรงเรียนท่าช้าง (เขตการทางนครราชสีมาสงเคราะห์ 2) อยู่ในระดับดีมาก
องค์ความรู้/ข้อค้นพบจากงานวิจัยนี้ 1.ช่วยแก้ปัญหาในห้องเรียน 2.ช่วยทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น 3.ทำให้รู้ถึงวิธีการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ 4.ช่วยพัฒนาทักษะทางวิชาชีพครู 5.ช่วยให้ครูนำผลการวิจัยไปใช้ในห้องเรียน
Article Details
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.