ผู้มีสิทธิฟ้องคดีและหน้าที่ของเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามกฎหมายควบคุมอาคาร (คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ. 588/2557)

Main Article Content

วิชญ์พาส พิมพ์อักษร

บทคัดย่อ

           คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ. 588/2557 เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร เนื่องจากผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองปฏิบัติหน้าที่โดยยึดถือข้อมูลความกว้างของซอยร่วมฤดีที่ไม่ตรงกับสภาพจริง และไม่พิจารณาดำเนินการตามมาตรา 40 มาตรา 41 มาตรา 42 หรือมาตรา 43 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ซึ่งศาลปกครองชั้นต้นและศาลปกครองสูงสุดได้พิจารณาใน 3 ประเด็น คือ (1) ผู้ฟ้องคดีทั้งยี่สิบสี่คนเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายที่จะมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลหรือไม่ (2) ผู้ฟ้องคดีทั้งยี่สิบสี่คนนำคดีมาฟ้องภายในระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ และ (3) ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควรหรือไม่ บทวิเคราะห์คดีนี้จึงวิเคราะห์ 3 ประเด็นดังกล่าว โดยตั้งเป็นหัวข้อใหม่ คือ (1) ความเป็นผู้มีสิทธิฟ้องคดีในคดีพิพาทเกี่ยวกับกฎหมายควบคุมอาคาร (2) วันที่รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดีในคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามกฎหมายควบคุมอาคาร (3) การฟ้องเพื่อประโยชน์แก่ส่วนรวมในคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามกฎหมายควบคุมอาคาร และ (4) หน้าที่ของเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามกฎหมายควบคุมอาคาร ซึ่งได้ข้อสรุปว่า ผู้ฟ้องคดีทั้งยี่สิบสี่คนซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือครอบครองอสังหาริมทรัพย์ภายในซอยร่วมฤดีและซอยร่วมฤดี 2 ย่อมได้รับอุปสรรคในการจราจรและอาจได้รับอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินหากเกิดอัคคีภัยจากการละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสอง จึงเป็นผู้มีสิทธิฟ้องคดีตามมาตรา 42 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 และหากมีข้อพิพาทตามกฎหมายอาญาผู้ฟ้องคดีทั้งยี่สิบสี่คนซึ่งมีความเป็นอยู่และการใช้สอยที่ดินหรืออาคารถูกกระทบกระเทือนเนื่องจากการกระทำความผิดพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ย่อมเป็นผู้เสียหายตามกฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาตามมาตรา 73 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวด้วย ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาว่า ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองละเลยต่อหน้าที่ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามมาตรา 39 ตรี และหน้าที่ในการใช้อำนาจดำเนินการตามมาตรา 40 มาตรา 41 มาตรา 42 และมาตรา 43 แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน ซึ่งผู้ฟ้องคดีทั้งยี่สิบสี่คนรู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดีอย่างช้าที่สุดเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2550 แต่นำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครองเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการฟ้องคดีตามมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542  อย่างไรก็ตาม การฟ้องคดีนี้เป็นการฟ้องคดีเพื่อประโยชน์แก่ส่วนรวม เพราะผลแห่งคำพิพากษาของการพิจารณาคดีนี้จะให้ประโยชน์ทางกายภาพโดยตรงต่อส่วนรวม จึงเป็นกรณีที่ศาลมีอำนาจรับคำฟ้องไว้พิจารณาได้ตามมาตรา 52 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน

Downloads

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
พิมพ์อักษร ว. (2025). ผู้มีสิทธิฟ้องคดีและหน้าที่ของเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามกฎหมายควบคุมอาคาร (คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ. 588/2557). วารสารวิชาการศาลปกครอง, 25(1), หน้า 114–130. สืบค้น จาก https://so09.tci-thaijo.org/index.php/admcJ/article/view/3962
ประเภทบทความ
บทวิเคราะห์คำพิพากษาและความเห็นทางกฎหมาย

เอกสารอ้างอิง

กรณัท สร้อยทอง, “การตรวจสอบดุลพินิจในการสั่งคดีอาญาของพนักงานอัยการของประเทศไทยเปรียบเทียบกับต่างประเทศ,” วารสารวิชาการ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ ปีที่ 8 ฉบับที่ 1, 2564.

ปิยธิดา เจิมหรรษา, “บทบาทและการใช้ดุลพินิจสั่งไม่ฟ้องคดีอัยการเยอรมัน,” ใน เอกสารทางวิชาการ เรื่อง การตรวจสอบคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการ, (กรุงเทพฯ : สถาบันกฎหมายอาญา, 2540)

ราชกิจจานุเบกษา ฉบับพิเศษ เล่ม 96 ตอนที่ 80 (14 พฤษภาคม 2522).

ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 109 ตอนที่ 11 (17 กุมภาพันธ์ 2535).

ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 109 ตอนที่ 39 (6 เมษายน 2535).

ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 117 ตอนที่ 42 ก (15 พฤษภาคม 2543).

ราชกิจจานุเบกษา 32 เล่ม 132 ตอนที่ 82 ก (27 สิงหาคม 2558).

วิชญ์พาส พิมพ์อักษร, “ความหมายและการตีความ “ประโยชน์แก่ส่วนรวม” ในการพิจารณาคดีปกครอง,” วารสารวิชาการศาลปกครอง ปีที่ 22 ฉบับที่ 1, 2565.

สำนักงานศาลปกครอง, มติที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ปี 2544 - 2560, (กรุงเทพฯ : สหมิตรพริ้นติ้งแอนด์พับลิสชิ่ง, 2561).

สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ, กฎหมายพื้นฐานสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี, (กรุงเทพฯ : สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ, 2555).