วารสารวิชาการศาลปกครอง https://so09.tci-thaijo.org/index.php/admcJ <p>วารสารวิชาการศาลปกครองกำหนดเผยแพร่ 3 ฉบับต่อปี ดังนี้</p> <p>ฉบับที่ 1 (มกราคม-เมษายน) เผยแพร่ภายในเดือนพฤษภาคม</p> <p>ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม) เผยแพร่ภายในเดือนกันยายน</p> <p>ฉบับที่ 3 (กันยายน-ธันวาคม) เผยแพร่ภายในเดือนมกราคมปีถัดไป</p> <p><a href="https://drive.google.com/file/d/1DHtFzbRgd-yzwH3hyG0_romVqV4pHshN/view?usp=sharing">อ่านหลักเกณฑ์การส่งผลงานทางวิชาการเพิ่มเติม</a></p> th-TH editor_warasan@admincourt.go.th (นิติกร ชัยวิเศษ) editor_warasan@admincourt.go.th (นิติกร ชัยวิเศษ) Mon, 29 Sep 2025 17:00:10 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 ชีวประวัติ Tatsukichi Minobe https://so09.tci-thaijo.org/index.php/admcJ/article/view/5930 นิติกร ชัยวิเศษ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการศาลปกครอง https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so09.tci-thaijo.org/index.php/admcJ/article/view/5930 Mon, 29 Sep 2025 00:00:00 +0700 สรุปความเห็นคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง เรื่องเสร็จที่ 82/2568 ผลของการบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการที่มีความผิดพลาดอย่างร้ายแรงจากกระบวนการคัดเลือก การบรรจุและแต่งตั้งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย : กรณีโรงพยาบาลสมุทรปราการ https://so09.tci-thaijo.org/index.php/admcJ/article/view/6091 นิชาภา เขียนสายออ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการศาลปกครอง https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so09.tci-thaijo.org/index.php/admcJ/article/view/6091 Mon, 29 Sep 2025 00:00:00 +0700 สิทธิในการฟ้องคดีปกครองเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและแหล่งกำเนิดมลพิษประเภทยานพาหนะ ศึกษาเปรียบเทียบกับกฎหมายเยอรมัน (คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ. 11-14/2557) https://so09.tci-thaijo.org/index.php/admcJ/article/view/3963 <p> คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ. 11-14/2557 เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ เนื่องจากผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 (องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ) ละเลยปล่อยให้รถยนต์โดยสารและรถร่วมบริการในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลในสังกัดของตนปล่อยควันดำเกินกว่าค่ามาตรฐานและเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (กรมควบคุมมลพิษ) ละเลยต่อหน้าที่ในการควบคุมมลพิษ ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม และผู้ฟ้องคดีที่ 2 ถึงผู้ฟ้องคดีที่ 4 เป็นบุคคลธรรมดาผู้มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จึงฟ้องคดีต่อศาลปกครองขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดโดยให้มีการรายงานความคืบหน้าต่อสาธารณชนด้วย ศาลปกครองชั้นต้นเห็นว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติตามคำฟ้อง ส่วนผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ไม่มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการตามมาตรา 64 ถึงมาตรา 67 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 กับรถยนต์โดยสารและรถร่วมบริการในสังกัดของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 เนื่องจากรถยนต์โดยสารและรถร่วมบริการดังกล่าวไม่ใช่ยานพาหนะในความหมายของแหล่งกำเนิดมลพิษตามพระราชบัญญัติดังกล่าว ทั้งนี้ ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาแก้คำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นในส่วนของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 เนื่องจากเห็นว่า รถยนต์โดยสารและรถร่วมบริการในสังกัดของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 เป็นสิ่งอื่นใดซึ่งเป็นแหล่งที่มาของมลพิษ จึงเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 บทวิเคราะห์คดีนี้ได้วิเคราะห์ประเด็นสิทธิในการฟ้องคดีปกครองเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและประเด็นความหมายของแหล่งกำเนิดมลพิษประเภทยานพาหนะและนำมาศึกษาเปรียบเทียบกับกฎหมายเยอรมัน พบว่า ประเทศไทยไม่มีกฎหมายเฉพาะว่าด้วยสิทธิในการฟ้องคดีปกครองเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมของนิติบุคคลเอกชน แต่สามารถพิจารณาสิทธิในการฟ้องคดีปกครองเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมได้จากวัตถุประสงค์หลักที่ต้องเป็นการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในทางเนื้อหาและในทางพื้นที่เช่นเดียวกับกฎหมายเยอรมัน ส่วนสิทธิในการฟ้องคดีปกครองเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมของบุคคลธรรมดานั้น กฎหมายไทยและกฎหมายเยอรมันรับรองสิทธิในการฟ้องคดีบนพื้นฐานของความเป็นผู้เดือดร้อนหรือเสียหายหรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายเช่นเดียวกัน และสำหรับความหมายของแหล่งกำเนิดมลพิษประเภทยานพาหนะ แม้ว่าพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 จะยังมีช่องโหว่เนื่องจากใช้นิยามตามกฎหมายว่าด้วยยานพาหนะซึ่งไม่มีวัตถุประสงค์ในการควบคุมมลพิษ ต่างจากรัฐบัญญัติว่าด้วยการป้องกันมลพิษแห่งสหพันธ์ของเยอรมัน แต่ศาลสามารถตีความแหล่งกำเนิดมลพิษจากการเป็นแหล่งที่มาของมลพิษเพื่อให้การควบคุมมลพิษมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นได้</p> วิชญ์พาส พิมพ์อักษร ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการศาลปกครอง https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so09.tci-thaijo.org/index.php/admcJ/article/view/3963 Mon, 29 Sep 2025 00:00:00 +0700 บทบาทของตุลาการศาลปกครองในกรณีที่เกิด “จุดบกพร่อง” (Bug) ในบทบัญญัติแห่งกฎหมาย กรณีศึกษาจากการใช้และการตีความอายุความ 1 ปี ตามมาตรา 10 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 (คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อผ. 223/2565) https://so09.tci-thaijo.org/index.php/admcJ/article/view/5858 วิชชา เนตรหัสนัยน์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการศาลปกครอง https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so09.tci-thaijo.org/index.php/admcJ/article/view/5858 Mon, 29 Sep 2025 00:00:00 +0700 แนะนำวิทยานิพนธ์ เรื่อง ปัญหาขอบเขตอำนาจของศาลปกครองในการกำหนดคำบังคับให้กระทำการในคดีฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งทางปกครอง https://so09.tci-thaijo.org/index.php/admcJ/article/view/7103 <p>ปัญหาขอบเขตอำนาจของศาลปกครองในการกำหนดคำบังคับให้กระทำการในคดีฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งทางปกครอง <br />โดย นายวิชญ์วิสิฐ ภูวนารถศิรางกูร </p> <p>วิทยานิพนธ์นิติศาสตรมหาบัณฑิต</p> <p>สาขากฎหมายมหาชน</p> <p>คณะนิติศาสตร์</p> <p>มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์</p> <p>ปีการศึกษา 2564 (241 หน้า)</p> ณัฐท์เนตร เศวตอริยพงษ์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการศาลปกครอง https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so09.tci-thaijo.org/index.php/admcJ/article/view/7103 Mon, 29 Sep 2025 00:00:00 +0700 อนุสัญญาสิงคโปร์ว่าด้วยการไกล่เกลี่ย ค.ศ. 2019 และข้อพิจารณาเกี่ยวกับคดีปกครอง https://so09.tci-thaijo.org/index.php/admcJ/article/view/4745 <p> อนุสัญญาสิงคโปร์ว่าด้วยการไกล่เกลี่ย ค.ศ. 2019 เป็นเรื่องใหม่ในกระบวนการระงับข้อพิพาททางเลือก (ADR) สำหรับองค์กรระงับข้อพิพาทและกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย กรณีรัฐบาลไทยพิจารณาแล้วเห็นควรเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฉบับนี้ เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ ฝ่ายตุลาการของประเทศไทยทั้งศาลยุติธรรมและศาลปกครองจำเป็นต้องเตรียมการและสร้างความตระหนักรู้แก่บุคลากรที่เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสม จากการพิจารณาในเบื้องต้นเห็นว่าการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฉบับนี้ กรณีที่ประเทศไทยไม่ได้ตั้งข้อสงวนตามมาตรา 8 วรรคหนึ่ง (เอ) แห่งอนุสัญญา หากมีการตรากฎหมายอนุวัติการโดยมีหลักเกณฑ์ในทำนองเดียวกับมาตรา 9 และมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 ย่อมส่งผลให้การบังคับตามข้อตกลงอันเป็นผลจากการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทตามสัญญาซึ่งมีคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งเป็นหน่วยงานรัฐ (ไม่ว่าเป็นสัญญาทางปกครองหรือไม่) เป็นเรื่องที่จะอยู่ในการพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งของศาลในประเทศไทย และกรณีการบังคับตามข้อตกลงอันเป็นผลจากการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทตามสัญญาทางปกครอง อาจเป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจการพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งของศาลปกครองด้วย เนื่องจากข้อพิพาทตามสัญญาทางปกครองบางประเภทอยู่ในหลักเกณฑ์ของการใช้บังคับของอนุสัญญา เช่น ข้อพิพาทตามสัญญาสัมปทานจัดทำบริการสาธารณะหรือข้อพิพาทตามสัญญาให้แสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ หากมีการร้องขอให้บังคับตามข้อตกลงเช่นนี้ ศาลปกครองย่อมมีหน้าที่และอำนาจในการพิจารณาโดยมีลักษณะเป็นข้อพิพาทตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (6) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ส่วนประเด็นว่าข้อตกลงอันเป็นผลจากการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในคดีปกครองตามพระราชบัญญัติดังกล่าวอยู่ในหลักเกณฑ์ของการใช้บังคับของอนุสัญญาสิงคโปร์ว่าด้วยการไกล่เกลี่ยฯ หรือไม่นั้น พิจารณาในเบื้องต้นแล้วเห็นว่า ข้อตกลงเช่นนี้ไม่อยู่ในการใช้บังคับของอนุสัญญาดังกล่าว เพราะเป็นข้อตกลงที่ได้มาจากกระบวนการศาลซึ่งมีสภาพบังคับได้อย่างคำพิพากษา ทั้งนี้ ตามมาตรา 1 วรรคสาม แห่งอนุสัญญา ซึ่งได้มีการกำหนดขอบเขตของอนุสัญญาสิงคโปร์ว่าด้วยการไกล่เกลี่ยฯ ไว้อย่างชัดเจน</p> พัฒนพงศ์ คงศักดิ์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการศาลปกครอง https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so09.tci-thaijo.org/index.php/admcJ/article/view/4745 Mon, 29 Sep 2025 00:00:00 +0700 การไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางปกครอง : ข้อพิจารณาเปรียบเทียบหลักเกณฑ์และวิธีการในระบบกฎหมายอังกฤษและระบบกฎหมายไทย https://so09.tci-thaijo.org/index.php/admcJ/article/view/6107 <p> การแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 เมื่อปี พ.ศ. 2562 พร้อมทั้งออกระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในคดีปกครอง พ.ศ. 2562 มาใช้บังคับ ส่งผลให้คู่กรณีในคดีปกครองสามารถเลือกที่จะยุติข้อพิพาทโดยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทแทนการพิจารณาคดีของศาลได้ อย่างไรก็ดี การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในบริบทของข้อพิพาททางปกครองถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหม่ในประเทศไทย จึงอาจยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจนนักว่าการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทจะส่งเสริมการระงับข้อพิพาททางปกครองได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลอย่างไร บทความนี้จึงมุ่งศึกษาเปรียบเทียบและนำเสนอประสบการณ์การนำการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทมาใช้กับข้อพิพาททางปกครองในอังกฤษ ซึ่งได้ส่งเสริมให้คู่กรณีนำการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทมาใช้เพื่อระงับข้อพิพาททางปกครองมาเป็นเวลากว่า 20 ปี เพื่อให้เห็นว่าการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางปกครองในระบบกฎหมายอังกฤษมีหลักเกณฑ์อย่างไร สามารถนำมาใช้เพื่อระงับข้อพิพาททางปกครองซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจของรัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ เป็นประโยชน์แก่คู่กรณีอย่างไร และมีแง่มุมใดที่น่าสนใจและแตกต่างจากการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางปกครองในระบบกฎหมายไทย อันจะเป็นประโยชน์แก่การพัฒนาการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางปกครองในประเทศไทยและส่งเสริมให้คู่กรณีพิจารณานำการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทมาใช้มากยิ่งขึ้นกับข้อพิพาททางปกครอง</p> กฤตยา ธีรนันทน์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการศาลปกครอง https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so09.tci-thaijo.org/index.php/admcJ/article/view/6107 Mon, 29 Sep 2025 00:00:00 +0700 ทบทวนความเข้าใจเกี่ยวกับสภาพบังคับเสร็จเด็ดขาด (res judicata) ของคำพิพากษาศาลปกครอง https://so09.tci-thaijo.org/index.php/admcJ/article/view/4556 <p> ข้อความคิดเกี่ยวกับสภาพบังคับเสร็จเด็ดขาดของคำพิพากษาเป็นข้อความคิดที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบกฎหมาย เนื่องจากสภาพบังคับเสร็จเด็ดขาดของคำพิพากษาเป็นเครื่องมือที่ระบบกฎหมายใช้ยุติข้อพิพาททั้งหลายมิให้มีการฟ้องร้องกันต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด โดยเมื่อระบบกฎหมายกำหนดให้คำพิพากษาใดไม่อาจโต้แย้งต่อไปได้อีก คำพิพากษานั้นย่อมมีสภาพบังคับเสร็จเด็ดขาด โดยที่ไม่ต้องพิจารณาว่าคำพิพากษานั้นจะถูกต้องเป็นธรรมหรือไม่ ซึ่งในบทความนี้ได้ศึกษาเกี่ยวกับการถือกำเนิดขึ้นของข้อความคิดเกี่ยวกับสภาพบังคับเสร็จเด็ดขาดของคำพิพากษาในกฎหมายโรมันผ่านคำอธิบายของ Friedrich Carl von Savigny ที่นำไปสู่การแปรสภาพข้อความคิดเกี่ยวกับสภาพบังคับเสร็จเด็ดขาดของคำพิพากษาให้เป็นส่วนหนึ่งของหลักความมั่นคงแน่นอนแห่งกฎหมายตามหลักนิติรัฐ อย่างไรก็ตาม ข้อความคิดเกี่ยวกับสภาพบังคับเสร็จเด็ดขาดของคำพิพากษามีข้อถกเถียงกันว่า สภาพบังคับเสร็จเด็ดขาดของคำพิพากษามีผลเฉพาะในทางกระบวนพิจารณาของศาลในคดีต่อ ๆ ไป หรือมีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงสิทธิหรือหน้าที่ หรือกฎหมายสารบัญญัติด้วย ซึ่งในปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันว่า สภาพบังคับเสร็จเด็ดขาดของคำพิพากษามีผลเฉพาะในทางกระบวนพิจารณาของศาลเท่านั้น มิได้มีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงกฎหมายสารบัญญัติแต่อย่างใด</p> <p> แม้ว่าจะเป็นที่ชัดเจนว่าคำพิพากษาที่มีสภาพบังคับเสร็จเด็ดขาดจะมีผลเฉพาะในทางกระบวนพิจารณาของศาลในคดีต่อ ๆ ไปเท่านั้น แต่ยังมีปัญหาที่จะต้องพิจารณาต่อไปอีกว่าผลผูกพันของสภาพบังคับเสร็จเด็ดขาดนั้นครอบคลุมเฉพาะประเด็นที่ศาลมีคำวินิจฉัยเท่านั้น หรือครอบคลุมไปถึงถ้อยคำอื่น ๆ หรือข้อเท็จจริงที่ศาลได้กล่าวยืนยันไว้ในคำพิพากษาด้วย ซึ่งผลการศึกษาพบว่า โดยหลักแล้วคำพิพากษาที่มีสภาพบังคับเสร็จเด็ดขาดมีผลผูกพันศาลในคดีต่อ ๆ ไปเฉพาะประเด็นที่ศาลได้มีคำวินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทเท่านั้น เพราะศาลมีหน้าที่วินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทให้ยุติ สำหรับองค์ประกอบส่วนอื่น ๆ ของคำพิพากษาที่มิใช่การวินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทเป็นเพียงองค์ประกอบที่อาจนำมาใช้ตีความสภาพบังคับเสร็จเด็ดขาดของคำพิพากษาเท่านั้น อย่างไรก็ดี องค์ประกอบในส่วนการให้เหตุผลประกอบการวินิจฉัยที่เป็นการปรับใช้กฎหมายของศาล แม้ว่าจะไม่มีสภาพบังคับเสร็จเด็ดขาดในตัวเอง แต่ก็เกี่ยวพันใกล้ชิดกับประเด็นที่ศาลวินิจฉัย โดยสภาพถือว่ามีสภาพบังคับเสร็จเด็ดขาดไปพร้อมกับการวินิจฉัยในประเด็นนั้นด้วย ซึ่งระบบกฎหมายไทยได้ยืนยันสภาพบังคับเสร็จเด็ดขาดของคำพิพากษาในประเด็นที่ศาลปกครองวินิจฉัยไว้ในบทบัญญัติเรื่องการห้ามฟ้องซ้ำและห้ามดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำในประเด็นที่ศาลได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งไปแล้วตามข้อ 96 และข้อ 97 แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2543</p> <p> นอกจากนี้ ผลการศึกษาพบว่า สภาพบังคับเสร็จเด็ดขาดของคำพิพากษามีผลต่อศาลต่างระบบด้วย โดยประเด็นที่ศาลปกครองมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดแล้ว ย่อมมีผลผูกพันต่อศาลยุติธรรมที่จะต้องนำประเด็นที่ศาลปกครองวินิจฉัยแล้วไปปรับใช้กับคดีของตนต่อไปด้วย ซึ่งผลการศึกษานี้จะนำไปสู่ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคำพิพากษาของศาลปกครองและศาลยุติธรรมในระบบศาลคู่มากยิ่งขึ้น</p> นิติกร ชัยวิเศษ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการศาลปกครอง https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so09.tci-thaijo.org/index.php/admcJ/article/view/4556 Mon, 29 Sep 2025 00:00:00 +0700 ข้อกฎหมายที่สำคัญและหลักความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง เกี่ยวกับอาคารสูงและอาคารที่เปิดให้บริการแก่สาธารณชน ในประเทศฝรั่งเศสและประเทศไทย https://so09.tci-thaijo.org/index.php/admcJ/article/view/5591 <p> “อาคารสูง” “อาคารขนาดใหญ่พิเศษ” “อาคารที่เปิดให้บริการแก่สาธารณชน” หรือ “อาคารชุมนุมคน” และ “โรงมหรสพ” เป็นการกำหนดคำเรียกและอธิบายลักษณะทางกฎหมายเพื่อแยกความแตกต่างจากอาคารทั่วไปแนวราบ และกำหนดให้การขออนุญาตปลูกสร้างและดัดแปลงอาคารดังกล่าวอยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายและกฎระเบียบที่เข้มงวดเคร่งครัดมากกว่าอาคารทั่วไปแนวราบในด้านความปลอดภัยสาธารณะและมาตรการป้องกันหายนะ โดยเฉพาะจากการเกิดอัคคีภัย ซึ่งกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องมีความเคร่งครัดและเข้มงวด เป็นกฎเกณฑ์เฉพาะเจาะจงสำหรับอาคารดังกล่าว ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยจากความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัยอันนำมาซึ่งความตื่นตระหนกของผู้อยู่อาศัยในอาคารและผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ข้างเคียง รวมถึงมาตรการอพยพผู้ประสบภัย บทความนี้ เป็นการนำเสนอข้อมูลกฎหมายและข้อสังเกตทางกฎหมายที่สำคัญบางประการ โดยเฉพาะหลักความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองเกี่ยวกับอาคารสูง อาคารขนาดใหญ่พิเศษ และอาคารที่เปิดให้บริการแก่สาธารณชนในประเทศฝรั่งเศส หรืออาคารชุมนุมคนและโรงมหรสพตามกฎหมายไทย โดยแบ่งการนำเสนอเป็น 2 ส่วน คือ <em>ส่วนที่หนึ่ง</em> สาระสำคัญของกฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมอาคารสูงและอาคารที่เปิดให้บริการแก่สาธารณชนในประเทศฝรั่งเศส พร้อมทั้งข้อสังเกตเทียบเคียงกฎหมายไทย <em>ส่วนที่สอง</em> หลักความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง (L’ordre public) ที่ปรากฏในกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารสำหรับอาคารสูงและอาคารที่เปิดให้บริการแก่สาธารณชน โดยพิจารณาถึงความหมายและลักษณะของข้อความคิดว่าด้วยความสงบเรียบร้อยเพื่อจะนำไปสู่การศึกษาความสงบเรียบร้อยที่เฉพาะเจาะจงในความสงบเรียบร้อยเกี่ยวกับความปลอดภัยสาธารณะในกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร อันจะเป็นการศึกษาบทเรียนและประสบการณ์การปรับปรุงและบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมอาคารของประเทศฝรั่งเศส เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาและบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมอาคารของประเทศไทย พร้อมทั้งศึกษาตัวอย่างคำพิพากษาของศาลและความเห็นทางกฎหมายของคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับหลักความปลอดภัยสาธารณะตามกฎหมายควบคุมอาคาร</p> อภิญญา แก้วกำเหนิด ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการศาลปกครอง https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so09.tci-thaijo.org/index.php/admcJ/article/view/5591 Mon, 29 Sep 2025 00:00:00 +0700 บทบรรณาธิการวารสารวิชาการศาลปกครอง ปีที่ 25 ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม) 2568 https://so09.tci-thaijo.org/index.php/admcJ/article/view/7522 วรเจตน์ ภาคีรัตน์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so09.tci-thaijo.org/index.php/admcJ/article/view/7522 Mon, 29 Sep 2025 00:00:00 +0700