Learning Management with STEM Education Approach on Learning Achievement and Science Creative Thinking of Ninth Grade Students.
Main Article Content
Abstract
The purposes of this research were to compare learning achievement and science creative thinking before and after learning, and to compare learning achievement after learning with criterion of 70 percent using STEM education approach. The participants were 28 ninth grade students from Piboonbumpen Demonstration School, Burapha University, who studied in the first semester of academic year 2018. They were selected by cluster random sampling. The research instruments were 1) lesson plans 2) learning achievement test and 3) science creative thinking test. The collected data were analyzed by arithmetic mean, percentage, standard deviation, and t-test.
The research findings were as follows 1) The post-test scores of science learning achievement of the ninth grade students after learning with STEM education were higher than those before learning at the .05 significant level. 2) The post-test scores of science learning achievement of the ninth grade students after learning with STEM education were higher than 70 % set criterion at the .05 significant level. 3) The science creative thinking of the ninth grade students after learning with STEM education were higher than those before learning at the .05 significant level.
Article Details

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
References
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ. (2559).ปฏิรูปการศึกษาไทยกับความท้าทายในปัจจุบัน.วารสารศึกษาศาสตร์ปริทัศน์,ปีที่ 31 ฉบับที่ 1.1-3.
โครงการ PISA ประเทศไทย สถาบันการส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.). (2562).[ออนไลน์].FOCUS ประเด็นจาก PISA. [สืบค้นวันที่ 7 ธันวาคม 2564] จาก https://pisathailand.ipst.ac.th/issue-2019-48
ชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์.(2546).ความคิดสร้างสรรค์. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สุนัย จันทร์ฉาย. (2560).ประเทศไทย 4.0 และ ระบบสาธารณสุข.วารสารแพทย์เขต 4-5.ปีที่ 36 ฉบับที่ 1.1.
อารี พันธ์มณี.(2557).ฝึกคิดให้เป็น คิดให้สร้างสรรค์. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
พงศ์วราวุฑฒิ หมื่นยุทธ และวารินรัชนานุสรณ์. (2560).มหาวิทยาลัยแห่งการประกอบการ: ความท้าทายสำหรับอุดทศึกษาในยุคประเทศไทย 4.0.วารสารพัฒนาเทคนิคศึกษา.ปีที่ 29 ฉบับที่ 103.3-11
จิตติมา อัครธิติพงศ์. (2562).ความต้องการทักษะของตลาดแรงงานในยุค 4.0.วารสารวิทยาการจัดการปริทัศน์.ปีที่ 21 ฉบับที่ 1. 181-190.
สมาน อัศวภูมิ. (2560).การศึกษาไทย 4.0: แนวคิดและทิศทางใหม่ในการจัดการศึกษาไทย.วารสารราชธานีนวัตกรรมทางสังคมศาสตร์.ปีที่ 1 ฉบับที่ 1. 1-11.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี.(2557).สะเต็มศึกษา (STEM Education).กรุงเทพฯ: กระทรวงศึกษาธิการ.
Schachter, R. (2012).A Classroom of Engineers. Instructor.Volume 121
Issue 5.43.
อุปการ จีระพันธุ. (2556).สะเต็มศึกษาของใหม่สำหรับประเทศไทยหรือไม่.วารสารสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. ปีที่ 42 ฉบับที่ 185.32-34.
อภิสิทธิ์ ธงไชย. (2556).เทคโนโลยีและวิศวกรรม คืออะไรในสะเต็มศึกษา.วารสารสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี.ปีที่ 42 ฉบับที่ 185.35-37.
พรทิพย์ ศิริภัทราชัย. (2556).STEM Education กับการพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21.วารสารนักบริหาร.ปีที่ 33 ฉบับที่ 2.49-56.
น้ำเพชร กะการดี. (2560).การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการโดยใช้รูปแบบสะเต็มศึกษา เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความคิดสร้างสรรค์ เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. สาขาวิทยานิพนธ์ ครุศาสตรมหาบัณฑิต.สาขาวิชาวิทยาศาสตร์. คณะครุศาสตร์. มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
ปรเมศวร์ วงศ์ชาชม. (2559). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสะเต็มศึกษาร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐานของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต. สาขาวิชาการสอนวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
ภัสสร ติดมา. (2558). การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ เรื่องระบบร่างกายมนุษย์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมตามแนวคิดสะเต็มศึกษา ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต. สาขาวิทยาศาสตร์ศึกษา. คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร.