Factors Affecting the Administrative Effectiveness of Enrichment Science Classroom Project Schools in Nakhonchaiburin Group

Main Article Content

Natesai Suknasaeng
Pennapa Sukserm

Abstract

The purposes of this research were 1) to study the level of the factors affecting administrative effectiveness of the enrichment science classroom project schools, 2) to study the relationship between factors and the administrative effectiveness of enrichment science classroom project schools, and 3) to create the predictive equations for administrative effectiveness of enrichment science classroom project schools. The samples were 226 of school administrators and science and technology teacher group acquiring by employing Krejcie & Morgan’s formula and using stratified random sampling technique, classified by province. The research instrument utilized for data collection was 5-point rating scale questionnaires which were approved by five experts with an index of congruence between .60-1.00 and the reliability value of .98. The statistics used for data analysis were percentage, mean, standard deviation, Pearson’s Product-Moment correlation coefficient, and stepwise multiple regression analysis.


Findings revealed that; 1) level of the factors affecting administrative effectiveness of the enrichment science classroom project schools in Nakhonchaiburin group’s average was at the highest, 2) the relationship between factors and administrative effectiveness of the enrichment science classroom project schools in Nakhonchaiburin group was high noticed by the positive correlation (r=.868), and 3) the predictable factors of administrative effectiveness of the enrichment science classroom project schools in Nakhonchaiburin group were significance at the level of .05 - teacher aspect (X2), curriculum aspect (X1), student recruitment and selection aspect (X5), and instructional management aspect (X4). The predictability of the administrative effectiveness was 81.6% (R2=.816). The construction of the equation in standardized and unstandardized scores were as followed: 


Y = -.431 + .569 (X2) + .234 (X1) + .212 (X5) + .085(X3)


Z = .512(ZX2) + .207 (ZX1) + .187(ZX5) + .082 (ZX3)

Downloads

Article Details

How to Cite
Suknasaeng, N., & Sukserm, P. . (2023). Factors Affecting the Administrative Effectiveness of Enrichment Science Classroom Project Schools in Nakhonchaiburin Group. Journal of Education Mahasarakham University, 17(2), 118–135. retrieved from https://so09.tci-thaijo.org/index.php/JOEMSU/article/view/1978
Section
Research Articles

References

กระทรวงศึกษาธิการ. (2559). แนวทางการเปิดห้องเรียนพิเศษในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2559. สำนักนโยบายและแผนการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน.กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.

กัลยา วานิชย์บัญชา. (2564). การใช้ SPSS for Windows ในการวิเคราะห์ข้อมูล. พิมพ์ครั้งที่ 34.กรุงเทพฯ: ศูนย์หนังสือแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

กิตติพงษ์ อินสุขิน. (2560). ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลในการบริหารงานของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 3. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยพะเยา.

เกวลิน ไชยสวัสดิ์ . (2557). การวิเคราะห์องค์ประกอบและตัวบ่งชี้คุณภาพการจัดการศึกษา ห้องเรียนพิเศษ โครงการพัฒนาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ (SME) ของโรงเรียนมัธยมศึกษา. วารสารหาดใหญ่วิชาการ, 12(2), 135-146.

จินตนา ถาคำ. (2561). ปัจจัยพหุระดับที่ส่งผลต่อความสำเร็จของการเปิดสอนห้องเรียนพิเศษ

วิทยาศาสตร์ -คณิตศาสตร์ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. วารวิจัยและพัฒนาหลักสูตร มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 8(1), 137-158.

ชัยยศ จระเทศ. (2558). การส่งเสริมความสามารถในการคิดแก้ปัญหา ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสานโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์สำหรับนักเรียนขั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5โรงเรียนวาบีปทุม.วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.

ณฐกรณ์ ดำชะอม. (2562). การบริหารจัดการห้องเรียน พิเศษวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ของโรงเรียนมัธยมศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานที่เปิดห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม จำนวน 220 โรงเรียน. วารสารการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยศิลปากร, 10(2), 872-886.

ทิพวรรณ พวงมาลัย. (2560). การพัฒนาตัวบ่งชี้คุณภาพบริหารโครงการห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ของโรงเรียนมัธยมศึกษาในกรุงเทพมหานคร. วารสารบริหารการศึกษา มศว, 14(27),57-65.

ธงชัย ชิวปรีชา. (2555). แนวทางการบริหารจัดการโครงการห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์. เอกสารประกอบการประชุมผู้แทนเครือข่ายโครงการห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ ที่สำนักวิชาการ และมาตรฐานการศึกษา, 8-10.

บุญชม ศรีสะอาด. (2554). การวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 9. กรุงเทพมหานคร: สุวีริยาสาส์น.

พรชัย อินฉาย. (2549). รูปแบบการบริหารงานการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโยีของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีใน อนาคต. วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษาดุษฎีบัณฑิต, สาขาการบริหารการศึกษา, มหาวิทยาลัยบูรพา.

ฤณชา ศิลาจันทร์. (2560). รูปแบบการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนในโครงการห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์. JOURNAL OF NAKHONRATCHASIMA COLLEGE, 11(2), 11-22.

วิรัตน์ พงษ์มิตร. (2557). ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการบริหารของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 21. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, (พิเศษ), 359-371.

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2560). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.

สุวัฒน์ วิวัฒนานนท์. (2559). ประสิทธิผลของโรงเรียนมัธยมศึกษาที่จัดการเรียนการสอนห้องเรียนพิเศษ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 2. JOURNAL OF NAKHONRATCHASIMA COLLEGE, 10(2), 297-310.

อาทิตย์ อาจหาญ. (2558). การส่งเสริมความสามารถในการคิดแก้ปัญหา ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสานโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนขั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนวาบีปทุม.วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต, สาขาวิชาวิจัยและประเมินผลการศึกษา, มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.

Likert, R. (1967). The human organization: Its management and value. New York:

McGraw-Hill.