การพัฒนาสมรรถนะการปฏิบัติงานตามหลักพละ 4 ของบุคลากรเทศบาลตำบล วังหว้า อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับสมรรถนะการปฏิบัติงานของบุคลากรเทศบาลตำบลวังหว้า อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี 2) ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการพัฒนาสมรรถนะการปฏิบัติงานของบุคลากรเทศบาลตำบลวังหว้า อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี และ 3) เสนอแนวทางการพัฒนาสมรรถนะการปฏิบัติงานตามหลักพละ 4 ของบุคลากรเทศบาลตำบลวังหว้า อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี ระเบียบวิธีวิจัยเป็นการวิจัยแบบผสานวิธี ระหว่างการวิจัยเชิงปริมาณ โดยใช้วิธีการวิจัยเชิงสำรวจจากแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างใช้หลักการสุ่มแบบแบ่งชั้น จำนวน 367 คน และการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการสัมภาษณ์เชิงลึก กับผู้ให้ข้อมูลสำคัญโดยการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยวิธีการแจกแบบสอบถามกับการสัมภาษณ์กับกลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคัญที่ได้กำหนดไว้ทั้งหมด จำนวน 9 รูปหรือคน ผลการวิจัย พบว่า 1) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก คิดเป็นค่าเฉลี่ย คือ =4.00, S.D.=0.847 การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ตามหลักพละ 4 โดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก คิดเป็นค่าเฉลี่ย คือ
=4.05, S.D.=0.876 และการพัฒนาสมรรถนะการปฏิบัติงานตามหลักพละ 4 ของบุคลากรเทศบาลตำบลวังหว้า อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี โดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก คิดเป็นค่าเฉลี่ย คือ
=4.07, S.D.=0.860 2) ปัจจัยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ มีองค์ประกอบคือ ด้านการฝึกอบรม ด้านการศึกษา ด้านการพัฒนา มีอิทธิพลร่วมกันต่อการพัฒนาสมรรถนะการปฏิบัติงานของบุคลากรเทศบาลตำบลวังหว้า อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.01 และสามารถอธิบายความผันแปรโดยองค์ประกอบทั้งหมดของปัจจัยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ร่วมกันอธิบายความผันแปร ได้ร้อยละ 61.20 จึงยอมรับสมมติฐาน 1 ปัจจัยหลักพละ 4 มีองค์ประกอบคือ ด้านปัญญาพละ (กำลังความรู้) ด้านวิริยะพละ (กำลังความเพียร) ด้านวัชชพละ (กำลังความสุจริต) ด้านสังคหพละ (กำลังการสงเคราะห์) มีอิทธิพลร่วมกันต่อการพัฒนาสมรรถนะการปฏิบัติงานของบุคลากรเทศบาลตำบลวังหว้า อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.01 และสามารถร่วมกันอธิบายความผันแปรได้ร้อยละ 83.80 จึงยอมรับสมมติฐาน 2 ปัจจัยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และปัจจัยหลักพละ 4 มีอิทธิพลร่วมกันต่อการพัฒนาสมรรถนะการปฏิบัติงานของบุคลากรเทศบาลตำบลวังหว้า อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.01 และ สามารถร่วมกันอธิบายความแปรผันของการพัฒนาสมรรถนะการปฏิบัติงานของบุคลากรเทศบาลตำบลวังหว้า อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี ได้ถึงร้อยละ 90.40 และ 3) ปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนาสมรรถนะการปฏิบัติงานของบุคลากรเทศบาลตำบลวังหว้า อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี ได้แก่ เวลาในการพัฒนาบุคลากรไม่เพียงพอ บุคลากรได้รับการพัฒนายังไม่ครอบคลุมทุกฝ่าย ขาดการจัดสรรทุนการศึกษาสำหรับบุคลากร บุคลากรมีพื้นฐานความรู้ไม่เท่ากัน
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงพิมพ์กับวารสารวิจัยและวิชาการบวรพัฒน์ ถือเป็นข้อคิดเห็น และความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
2. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิจยวิชาการ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิจัยและวิชาการบวรพัฒน์ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่ง ส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อการกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารวิจัยและวิชาการบวรพัฒน์ก่อนเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
ณัฐชนันตร์ อยู่สีมารักษ์. (2561). รูปแบบการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ตามหลักพุทธธรรมของสถานศึกษาของรัฐสังกัดกรุงเทพมหานคร. (ดุษฎีนิพนธ์พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์). บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต). (2548). พจนานุกรมพุทธศาสตร์ฉบับประมวลธรรม.กรุงเทพฯ : บริษัท เอส.อาร์พริ้นติ้งแมส โปรดักส์ จำกัด.
วีรณัฐ โรจนประภา. (2561). การนำหลักพุทธธรรมมาประยุกต์ใช้ในการสร้างสังคมแห่งสัมมาปัญญาในประเทศไทย. วารสารวิชาการ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสวนดุสิต, 12(3), 217-231.
สมคิด เลิศไพฑูรย์. (2557). กฎหมายการปกครองท้องถิ่น. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์คณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา.
อัญชลี กองแก้ว. (2561). การพัฒนาสมรรถนะการบริหารของผู้บริหารเทศบาลตำบลบางละมุง จังหวัดชลบุรี. (สารนิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต). บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.