การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง บทบาทหน้าที่ของเยาวชนที่มีต่อสังคม โดยใช้รูปแบบการสอนซิปปา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนเทศบาลวัดไทรใต้ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) หาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง บทบาทหน้าที่ของเยาวชนที่มีต่อสังคม โดยใช้รูปแบบการสอนซิปปา ตามเกณฑ์ 80/80 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง บทบาทหน้าที่ของเยาวชนที่มีต่อสังคม โดยใช้รูปแบบการสอนซิปปา และ 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง บทบาทหน้าที่ของเยาวชนที่มีต่อสังคม โดยใช้รูปแบบการสอนซิปปา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนเทศบาลวัดไทรใต้ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 30 คน ซึ่งได้มาจากการสุ่มอย่างง่าย โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เป็นการวิจัยเชิงทดลอง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ได้แก่ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง บทบาทหน้าที่ของเยาวชนที่มีต่อสังคมโดยใช้การเรียนรู้แบบซิปปา จำนวน 5 ชุด แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน จำนวน 30 ข้อ และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เป็นแบบมาตรส่วนประมาณค่า จำนวน 10 ข้อ วิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วยการหาประสิทธิภาพชุดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้สูตรคำนวณ E1/E2 ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัย พบว่า 1) ผลการพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง บทบาทหน้าที่ของเยาวชนที่มีต่อสังคม โดยใช้รูปแบบการสอนซิปปา พบว่า มีประสิทธิภาพโดยรวม E1/E2 เท่ากับ 83.27/84.07 2) ผลการทดสอบเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง บทบาทหน้าที่ของเยาวชนที่มีต่อสังคม โดยใช้รูปแบบการสอนซิปปา พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 3) ผลการศึกษาความพึงพอใจในการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง บทบาทหน้าที่ของเยาวชนที่มีต่อสังคม โดยใช้รูปแบบการสอนซิปปา พบว่า ความพึงพอใจของนักเรียนโดยรวมอยู่ในระดับมาก
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงพิมพ์กับวารสารวิจัยและวิชาการบวรพัฒน์ ถือเป็นข้อคิดเห็น และความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
2. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิจยวิชาการ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิจัยและวิชาการบวรพัฒน์ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่ง ส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อการกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารวิจัยและวิชาการบวรพัฒน์ก่อนเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จํากัด.
กานต์กนิษฐา ทองนา และคณะ. (2559). การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง หลักธรรมสำคัญทางพระพุทธศาสนา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมชั้นประถมศึกษาปีที่ 5. วารสารการวัดผลการศึกษามหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 22(1), 28-36.
จารุพักตร์ จ่าจันทึก. (2563). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ด้วยรูปแบบ CIPPA และการเรียนรู้แบบร่วมมือ สำหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3. (วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน). คณะศึกษาศาสตร์ : มหาวิทยาลัยบูรพา.
ทิศนา แขมมณี. (2545). ศาสตร์การสอนองค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. กรุงเทพฯ : สํานักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
โรงเรียนเทศบาลวัดไทรใต้. (2564). รายงานผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของโรงเรียนในปีการศึกษา2564 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. (อัดสำเนา).
สลิลทิพย์ จันทร์ศรีทอง. (2560). การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ทวีปอเมริกาเหนือ โดยใช้รูปแบบ การสอนแบบซิปปา (CIPPA MODEL) วิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. เข้าถึงได้จาก https://www.kroobannok.com/ board_ view. php?b_id=152312&bcat_id=14
สุคนธ์ สินธพานนท์, วรรัตน์ วรรณเลิศ และพรรณี สินธพานนท์. (2553). นวัตกรรมการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาคุณภาพของเยาวชน. กรุงเทพฯ : 9119 เทคนิคพริ้นติ้ง.