การตื่นตัวทางการเมืองของประชาชนที่มีต่อการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพทั่วไปในการตื่นตัวทางการเมืองของประชาชนต่อการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา 2) เปรียบเทียบระดับความคิดเห็นต่อการตื่นตัวทางการเมืองของประชาชนที่มีต่อการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา และ 3) ประยุกต์หลักพุทธธรรมในการส่งเสริมการตื่นตัวทางการเมืองของประชาชนต่อการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา วิธีดำเนินการวิจัยแบบผสานวิธีทั้งการวิจัยเชิงปริมาณและการวิจัยเชิงคุณภาพ เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง 400 คน ผู้ให้ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ จำนวน 9 รูปหรือคน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การสัมภาษณ์เชิงลึก วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหาเชิงพรรณนา ผลการวิจัย พบว่า 1) การตื่นตัวทางการเมืองเริ่มต้นจากครอบครัวซึ่งเป็นสถาบันที่จะสร้างวิถีทางไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยที่ยั่งยืน กลุ่มเพื่อนและชุมชนให้ความสนใจและติดตามข่าวสารและประเด็นสำคัญทางการเมืองผ่านสื่อประเภทต่าง ๆ มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับประเด็นทางการเมือง สถาบันการศึกษาส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับระบอบประชาธิปไตย สื่อมวลชนให้การสนับสนุนด้วยการสื่อข้อมูลที่เป็นประโยชน์ทั้งสองฝ่าย เพื่อให้ประชาชนไว้วางใจ 2) ประชาชนที่มีเพศ อายุ ระดับการศึกษา อาชีพ รายได้ต่อเดือน มีระดับความคิดเห็นต่อการตื่นตัวทางการเมืองของประชาชนที่มีต่อการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา โดยรวมและรายด้านทุกด้านแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และ 3) การประยุกต์หลักพุทธธรรมในการส่งเสริมการตื่นตัวทางการเมืองของประชาชนที่มีต่อการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ประชาชนคอยหมั่นสอดส่องการทำงานเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ หมั่นใช้ปัญญาพิจารณา ใคร่ครวญตรวจหา ให้ความช่วยเหลือและร่วมกิจกรรมของชุมชน มีความกล้าที่จะทำงานนั้น มีจิตใจที่แน่วแน่ มั่นคง ในการสร้างเสริมวิริยะ
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงพิมพ์กับวารสารวิจัยและวิชาการบวรพัฒน์ ถือเป็นข้อคิดเห็น และความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
2. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิจยวิชาการ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิจัยและวิชาการบวรพัฒน์ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่ง ส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อการกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารวิจัยและวิชาการบวรพัฒน์ก่อนเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
ชลิต วงษ์สกุล. (2564). การตื่นตัวทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยของประชาชนในอำเภอหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี. วารสารสหวิทยาการนวัตกรรมปริทรรศน์, 2(1), 1-9.
ประชาชาติธุรกิจ. (2565). การเมือง เลือกตั้งนายก อบจ.โคราช. เข้าถึงได้จาก https://www. prachachat.net/politics/news-548403
พระบุญเพ็ง สิทธิวงษา. (2562). การใช้หลักอิทธิบาท 4 ในการบริหารจัดการท้องถิ่นของบุคลากรองค์การบริหารส่วนตำบลสีออ อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์, 6(5), 159-170.
พระมหาชาตรี ชาครชโย. (2563). การตื่นตัวทางการเมืองของประชาชนในการไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งทั่วไปในอำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี. (สารนิพนธ์รัฐศาสตรมหาบัณฑิต). บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
มติชนออนไลน์. (2565). อบจ. สำคัญอย่างไร ทำไมต้องไปเลือกตั้ง. เข้าถึงได้จาก https://www. matichon.co.th/columnists/news_2493042
ลิขิต ธีรเวคิน. (2552). การเมืองไทยและประชาธิปไตย. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มิสเตอร์ก็อปปี้.
วิสุทธิ์ โพธิแท่น. (2548). อะไรนะ..ประชาธิปไตย. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
สมบัติ ธำรงธัญวงศ์. (2549). การเมืองไทย. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์เสมาธรรม.