การอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นเหยียบฉ่า วัดเกาะหงษ์ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ บนฐานการมีส่วนร่วม
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นเหยียบฉ่า วัดเกาะหงษ์ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์บนฐานการมีส่วนร่วม เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ เก็บข้อมูลโดย วิธีสัมภาษณ์เชิงลึกจากผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน 20 รูป/คน แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มชาวบ้าน กลุ่มผู้นำท้องถิ่น กลุ่มข้าราชการ และกลุ่มปราชญ์ชาวบ้าน ซึ่งเป็นกลุ่มหมอพื้นบ้าน กลุ่มผู้ที่มีความรู้เกี่ยวข้องกับภูมิปัญญาการเหยียบฉ่า และกลุ่มผู้มีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับภูมิปัญญาการเหยียบฉ่า จากวัดเกาะหงษ์ จังหวัดนครสวรรค์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการสัมภาษณ์เชิงลึกการสังเกตแบบมีส่วนร่วมโดยมีผู้ให้ข้อมูลสำคัญจำนวน 20 รูป/คน แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มชาวบ้าน กลุ่มผู้นำท้องถิ่น กลุ่มข้าราชการและกลุ่มปราชญ์ชาวบ้านซึ่งเป็นกลุ่มหมอพื้นบ้าน กลุ่มผู้ที่มีความรู้เกี่ยวข้องกับภูมิปัญญาการเหยียบฉ่าและกลุ่มผู้มีประสบการณ์ การวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัย พบว่า 1) ด้านเศรษฐกิจมีผู้ประกอบการวิสาหกิจในชุมชน ปราชญ์ชาวบ้านคนส่วนใหญ่มักจะคิดถึงองค์ความรู้หรือภูมิปัญญาที่เป็นความรู้ ที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษเกิดจากกระบวนการเรียนรู้ปรับตัวผ่านประสบการณ์ที่สั่งสม พัฒนา และสืบทอดกันต่อ ๆ มาเพื่อสร้างรายได้ทั้งในรูปแบบรายได้หลักหรือรายได้เสริมในบางครอบครัว 2) ด้านสังคม องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นได้กำหนดแผน นโยบาย และโครงการสนับสนุน ส่งเสริมภูมิปัญญาเหยียบฉ่าให้คงอยู่คู่กับชุมชน พร้อมทั้งมีการสนับสนุนงบประมาณสร้างอาคารอเนกประสงค์ในการบำบัดรักษาเหยียบฉ่าให้กับปราชญ์ชุมชนและผู้ที่มาใช้บริการ ส่วนวัดเกาะหงษ์ได้สนับสนุนสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน 3) ด้านสุขภาพ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ตำบลตะเคียนเลื่อน ได้เข้ามามีบทบาทในการให้ความรู้ปราชญ์ชาวบ้านที่ทำการเหยียบฉ่าถึงเรื่องการรักษาความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย และ 4) ด้านสิ่งแวดล้อม ภูมิปัญญาท้องถิ่นเหยียบฉ่าทำให้คนในท้องถิ่นให้ความสนใจในการประยุกต์ใช้พืชสมุนไพรเพื่อการบำบัดรักษา ถือว่าเป็นการดำรงชีวิตด้วยความกลมกลืนกับสิ่งแวดล้อม สามารถนำสมุนไพรที่เพาะปลูกในครัวเรือนมาใช้ในการทำยารักษาโรคและยังสามารถสร้างรายได้ ส่งผลให้หลายครอบครัวในชุมชนมีการขยายพื้นที่เพาะปลูกพืชสมุนไพร
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงพิมพ์กับวารสารวิจัยและวิชาการบวรพัฒน์ ถือเป็นข้อคิดเห็น และความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
2. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิจยวิชาการ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิจัยและวิชาการบวรพัฒน์ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่ง ส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อการกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารวิจัยและวิชาการบวรพัฒน์ก่อนเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
ทวีศักดิ์ ชูมาและคณะ. (2560). การสร้างคลังคำศัพท์ภาษาอังกฤษภายในแหล่งโบราณสถานที่ได้รับการขึ้นทะเบียนในจังหวัดนครสวรรค์. (รายงานการวิจัย). สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.): มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
ปิยนุช ยอดสมสวยและคณะ. (2552). การศึกษาภูมิปัญญาของหมอพื้นฐานในอำเภอองรักษ์ จังหวัดนครนายก (รายงานการวิจัย). คณะสหเวชศาสตร์: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
พระสมัคร สิริปญฺโญ (วงศ์ประเทศ). (2558). การดำรงอยู่ของภูมิปัญญาท้องถิ่นท่ามกลางการแข่งขันในระบบตลาดเสรี: กรณีศึกษางานหัตถกรรมทอผ้ากาบบัว ตำบลนาเรือง อำเภอนาเยีย จังหวัดอุบลราชธานี. (วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการพัฒนาสังคม). คณะพัฒนาสังคม: สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์.
ยุภาพร เจริญวัฒนมณีชัยและคณะ. (2559). แนวทางการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นผ้าไหมมัดหมี่กรณีศึกษา ผ้าไหมมัดหมี่ตำบลบ้านเขว้า อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ. (สารนิพนธ์พัฒนาชุมชนมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพัฒนาชุมชน). คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
สุนิตย์ เหมนิล. (2562). “เหยียบเหล็กแดง”: ภูมิปัญญาท้องถิ่นในสังคมชาวนาอีสานบ้านหินตั้ง ตำบลข้าวสาร อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี. Journal of Language and Culture, 38(2), 26-45.