วารสารคหกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน
https://so09.tci-thaijo.org/index.php/hecrmutp
<p> วารสารคหกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างยั่งยืนเป็นวารสารวิชาการมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้ แนวคิดทางคหกรรมศาสตร์และวัฒนธรรม ผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้องอันนำไปสู่การส่งเสริมให้สมาชิกมีส่วนร่วมในการเผยแพร่และบริการวิชาการแก่สังคมที่ยั่งยืน รับตีพิมพ์บทความวิจัยและบทความวิชาการในสาขาคหกรรมศาสตร์และวัฒนธรรม ประกอบด้วย สาขาอาหารและโภชนาการ อุตสาหกรรมการบริการอาหาร เสื้อผ้าและสิ่งทอ ศิลปะประดิษฐ์ การจัดการบ้านเรือนและชุมชน พัฒนาการเด็กและครอบครัว ศิลปวัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ในชีวิตประจำวัน และสาขาที่เกี่ยวข้อง </p> <p><strong>เลขมาตรฐานสากลประจำวารสาร: </strong>ISSN: 3027-6071 (Online)</p> <p><strong>กระบวนการพิจารณาบทความ</strong><strong>: </strong>บทความทุกบทความที่ผ่านการพิจารณาคุณภาพเบื้องต้นจากกองบรรณาธิการ จะได้รับการพิจารณาจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาวิชาหรือที่เกี่ยวข้องกับสาขาวิชาที่มาจากหลากหลายสถาบัน (peer review) จำนวน 3 ท่าน ที่ไม่สังกัดเดียวกับผู้เขียน และแตกต่างหน่วยงานกัน โดยใช้รูปแบบที่ผู้ประเมินบทความไม่ทราบชื่อผู้นิพนธ์ และผู้นิพนธ์ไม่ทราบชื่อผู้ประเมินบทความ (Double-Blind Peer Review) และได้รับความเห็นชอบจากกองบรรณาธิการก่อนการตีพิมพ์</p> <p><strong>ประเภทของบทความ</strong><strong>: </strong>บทความวิจัย (Research Article) และบทความวิชาการ (Academic Article)</p> <p><strong>ภาษาที่รับตีพิมพ์</strong><strong>: </strong>ภาษาไทย </p> <p><strong>กำหนดการเผยแพร่</strong><strong>: </strong> ปีละ 3 ฉบับ (ราย 4 เดือน)</p> <p> ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม-เมษายน<br /> ฉบับที่ 2 เดือนพฤษภาคม-สิงหาคม<br /> ฉบับที่ 3 เดือนกันยายน-ธันวาคม</p> <p><strong>ค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์: </strong>วารสารคหกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างยั่งยืนยังไม่มีนโยบายเก็บค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์</p> <p><img src="https://so09.tci-thaijo.org/public/site/images/uokittipong@gmail.com/mceclip0.png" width="586" height="490" /></p> <p><strong>เจ้าของวารสาร</strong><strong>: </strong>คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร</p> <p> </p>
คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร (Faculty of Home Economics Technology Rajamangala University of Technology Phra Nakhon)
th-TH
วารสารคหกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน
3027-6071
-
น้ำปลาพริก: เครื่องจิ้มประเภทน้ำปลา สิ่งเล็ก ๆ ในสำรับแต่ยิ่งใหญ่เรื่องรสชาติ
https://so09.tci-thaijo.org/index.php/hecrmutp/article/view/5430
<p>บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาตำรับและการแบ่งหมวดหมู่ของเครื่องจิ้มประเภทน้ำปลา โดยใช้วิธีพรรณนาเชิงวิเคราะห์ แนวทางสำคัญอาศัยวิธีการทางประวัติศาสตร์ พบว่าเครื่องจิ้มประเภทน้ำปลาแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1. เครื่องจิ้มประเภทน้ำปลารสเค็มนำ ส่วนประกอบหลัก ใช้น้ำปลาและน้ำตาลหม้อหรือน้ำตาลทราย เรียกน้ำปลาตามด้วยชื่อส่วนประกอบรอง เช่น น้ำปลาพริก น้ำปลามะม่วง น้ำปลาเห็ดโคน น้ำปลาปูแสมเค็ม แบ่งเป็น 3 ประเภท 1.1 น้ำปลาเพิ่มผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ระกำ มะม่วง มะดัน 1.2 น้ำปลาเพิ่มเห็ดโคน 1.3 น้ำปลาเพิ่มเนื้อสัตว์ เช่น แมลงดานา <br />ปูแสมเค็ม กุ้งเผา 2. เครื่องจิ้มประเภทน้ำปลารสหวานนำ ส่วนประกอบหลักใช้น้ำปลาและน้ำตาลหม้อเคี่ยวพอข้น บางตำรับเพิ่มมะขามเปียกเรียก น้ำปลาหวาน แบ่งเป็น 4 ประเภท 2.1 น้ำปลาหวานประเภทจิ้มกับผลไม้รสเปรี้ยว 2.2 น้ำปลาหวานประเภทจิ้มกับผลไม้รสเปรี้ยวแบบทรงเครื่อง 2.3 น้ำปลาหวานรับประทานกับเมี่ยง 2.4 น้ำปลาหวานรับประทานกับผักรสฝาดหรือขม</p>
ภูชิษย์ สว่างสุข
Copyright (c) 2025 วารสารคหกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน
2025-04-23
2025-04-23
7 1
148
161
-
แผนผังต้นแบบสูตรอาหาร: เครื่องมือสร้างสรรค์สูตรอาหารอย่างเป็นระบบ
https://so09.tci-thaijo.org/index.php/hecrmutp/article/view/5545
<p> บทความนี้นำเสนอแนวคิด แผนผังต้นแบบสูตรอาหาร (Recipe Model Canvas; RMC) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อช่วยสนับสนุนการสร้างสรรค์และพัฒนาสูตรอาหารอย่างเป็นระบบในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่มีการแข่งขันสูงในประเทศไทย โดยรวบรวมปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเลือกบริโภคและความพึงพอใจของลูกค้า เช่น ปัจจัยด้านประสาทสัมผัส ปัจจัยด้านบริบทแวดล้อม และลักษณะเฉพาะของผู้บริโภค RMC ช่วยให้การวางแผน การควบคุมคุณภาพ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์สามารถดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างรอบด้าน</p> <p> นอกจากนี้ RMC ยังเหมาะสำหรับการสร้างสรรค์เมนูที่เพิ่มมูลค่าให้ธุรกิจอาหาร โดยเฉพาะในบริบทที่ต้องการสร้างความแปลกใหม่ เช่น การใช้เทคนิค Molecular Gastronomy ทั้งนี้ การพัฒนาศักยภาพของ RMC ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อผู้บริโภค รวมถึงการปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทวัฒนธรรมและตลาดในระดับสากล เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว</p>
วีร์ วงศ์สันติวนิช
นิตินัย รุ่งจินดารัตน์
วาทิต อินทลักษณ์
ปิยวิทย์ ตันติเวทย์
Copyright (c) 2025 วารสารคหกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน
2025-04-23
2025-04-23
7 1
162
178
-
แนวทางสู่ความสำเร็จในการแข่งขันแกะสลักผักและผลไม้ระดับประเทศ: บทเรียนจากผู้ชนะเลิศงานมหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่น ระดับประเทศปี 2567
https://so09.tci-thaijo.org/index.php/hecrmutp/article/view/5239
<p>งานวิจัยนี้เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพด้วยวิธีวิทยาปรากฏการณ์วิทยา เพื่อศึกษาแนวทางความสำเร็จของการเป็นผู้ชนะเลิศ สภาพปัญหาและอุปสรรคของการประกวดแข่งขันแกะสลักผักและผลไม้ระดับประเทศ ผู้ให้ข้อมูลหลักคือ ผู้แข่งขันที่ชนะเลิศการประกวดแกะสลักผักและผลไม้ ประถมศึกษาตอนปลายปีที่ 4-6 มัธยมศึกษาตอนต้นปีที่ 1-3 มัธยมศึกษาตอนปลายปีที่ 4-6 ครูผู้ควบคุมการฝึกซ้อม ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 16 คน โดยการสัมภาษณ์และการสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม ผลการวิจัยพบว่า แนวทาง สู่ความสำเร็จการเป็นผู้ชนะเลิศการแข่งขันแกะสลักผักและผลไม้ระดับประเทศ ได้แก่ การวางแผนของผู้บริหาร คณะครู และบุคลากรในโรงเรียน กระบวนการคัดเลือกนักเรียน การวางแผนการฝึกซ้อมสำหรับการแข่งขัน กระบวนการฝึกซ้อม แนวคิดการสร้างสรรค์จัดตกแต่ง การแข่งขันจริง การสรุป และสภาพปัญหาและอุปสรรคของการประกวดแข่งขันแกะสลักผักและผลไม้ ได้แก่ ตัวบุคคล วัตถุดิบ สถานที่การแข่งขัน งบประมาณค่าใช้จ่าย และการประสานงาน</p>
ศักรินทร์ หงส์รัตนาวรกิจ
เสริมศรี สงเนียม
อัครพล ไวเชียงค้า
Copyright (c) 2025 วารสารคหกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน
2025-04-23
2025-04-23
7 1
1
15
-
การออกแบบผลิตภัณฑ์ของที่ระลึกชุดโคมไฟจากเส้นใยรกมะขาม จังหวัดเพชรบูรณ์
https://so09.tci-thaijo.org/index.php/hecrmutp/article/view/5233
<p>วิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อการออกแบบชุดโคมไฟของที่ระลึกจากเส้นใยรกมะขามและสำรวจความพึงพอใจที่มีต่อการออกแบบผลิตภัณฑ์ชุดโคมไฟของที่ระลึกจากเส้นใยรกมะขาม สำหรับจังหวัดเพชรบูรณ์ เริ่มจากการสำรวจความต้องการการออกแบบชุดโคมไฟของที่ระลึกจากเส้นใยรกมะขามของกลุ่มนักท่องเที่ยว นำมาวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการออกแบบได้ 4 รูปแบบ ให้ผู้เชี่ยวชาญประเมินรูปแบบ ในด้านรูปแบบและความสวยงาม ด้านลักษณะเฉพาะ และด้านคุณค่าและประโยชน์การใช้งาน มีสรุปค่าความคิดเห็นเฉลี่ยรวมในทุกด้านแบบที่ 2 มีคะแนนค่าเฉลี่ยสูงที่สุด 4.68 นำมาสร้างชุดโคมไฟของที่ระลึกจากเส้นใยรกมะขาม ประเมินผลความพึงพอใจของกลุ่มนักท่องเที่ยวจำนวน 100 คนที่มีต่อชุดโคมไฟของที่ระลึกจากเส้นใยรกมะขามสำหรับจังหวัดเพชรบูรณ์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวมีความพึงพอใจมีค่าเฉลี่ยรวมทุกด้าน มีค่าคะแนนเฉลี่ย 4.65 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.53 อยู่ในระดับความพึงพอใจมากที่สุด</p>
สุนันทา รัตนทอง
กฤษณา เกตุคำ
Copyright (c) 2025 วารสารคหกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน
2025-04-23
2025-04-23
7 1
16
27
-
การพัฒนาเครื่องประดับจากดินปั้นขี้เลื่อย
https://so09.tci-thaijo.org/index.php/hecrmutp/article/view/5596
<p>การวิจัยเรื่อง การพัฒนาเครื่องประดับจากดินปั้นขี้เลื่อย มีวัตถุประสงค์เพื่อ1) ศึกษาสูตรดินปั้นจากขี้เลื่อยที่เหมาะสมสำหรับการนำมาประดิษฐ์เครื่องประดับ 2) ศึกษาความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบและคุณภาพของเครื่องประดับจากดินปั้นขี้เลื่อยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ศึกษาคือนักเรียน นักศึกษา ครู/อาจารย์ และบุคคลทั่วไป มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยาจำนวน 100 คน นำมาวิเคราะห์ข้อมูล ค่าสถิติ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน โดยผู้วิจัยได้ ศึกษาสูตรดินปั้นขี้เลื่อยจำนวน 3 สูตร แล้วให้ผู้เชี่ยวชาญ 10 ท่าน คัดเลือกสูตร ซึ่งสูตรดินที่มีคะแนนมากที่สุด คือ สูตรที่ 3 เนื่องจากเนื้อดินเหนียวไม่ขาดง่าย เนื้อดินรวมเป็นเนื้อเดียวกัน ละเอียด ผิวสัมผัสเนียน ไม่ขรุขระ มีความนุ่มไม่แข็ง ปั้นขึ้นรูปได้ บีบนวดได้ เมื่อแห้งไม่แตกหัก จึงนำมาประดิษฐ์เป็นแบบเครื่องประดับจำนวน 3 ชุด ประกอบด้วย ต่างหู สร้อยคอ และสร้อยข้อมือ จากนั้นให้ผู้ประเมินจำนวน 30 คน คัดเลือก ซึ่งแบบที่ได้รับการคัดเลือกมากที่สุด คือ ชุดที่ 1 และนำแบบที่ได้รับการคัดเลือกมาศึกษาความพึงพอใจของผู้บริโภค ผลการวิจัย พบว่า ผู้บริโภคมีความพึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์เครื่องประดับจากขี้เลื่อย โดยมีค่าเฉลี่ยด้านวัสดุที่ใช้มีความเหมาะสม ความคงทนแข็งแรง ความสวยงาม ประโยชน์การใช้งานได้จริง ความคิดสร้างสรรค์ และความชอบโดยรวมมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.56, 4.44, 4.57, 4.50, 4.81, 4.73 และ 4.60 อยู่ระดับความพึงพอใจมากที่สุด</p>
นพา ลีละศุภพงษ์
ศิริลักษณ์ สุพักตร์วิบูลย์
Copyright (c) 2025 วารสารคหกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน
2025-04-23
2025-04-23
7 1
28
42
-
การจัดการวิสาหกิจชุมชนตำบลหนองตะเคียนบอน อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว
https://so09.tci-thaijo.org/index.php/hecrmutp/article/view/5514
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาการจัดการวิสาหกิจชุมชนตำบล หนองตะเคียนบอน อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว 2) ศึกษาปัจจัยความสำเร็จของ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนตำบลหนองตะเคียนบอน อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว และ 3) ศึกษาปัญหาและอุปสรรคของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนตำบลหนองตะเคียนบอน อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยใช้การสัมภาษณ์เชิงลึก ผู้ให้ข้อมูลหลักในการศึกษาครั้งนี้ คือ ประธานวิสาหกิจชุมชนและสมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนตำบลหนองตะเคียนบอน อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว และใช้วิธีการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง ผลจากการศึกษาพบว่า 1) การจัดการวิสาหกิจชุมชน เริ่มก่อตั้งจากประธานวิสาหกิจชุมชนมีการเชิญชวนคนในชุมชนรวมกลุ่มเพาะปลูกผลไม้ ดำเนินงานจากการรับผลผลิตจากสมาชิก และรับสมัครพนักงานในการนำผลผลิตมาแปรรูปเพื่อเพิ่มรายได้ รวมถึงการพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ท่องเที่ยวเชิงเกษตร โดยสมาชิกและคนในชุมชนได้เข้ามามีส่วนร่วม 2) ความสำเร็จของวิสาหกิจชุมชน คือ การเพาะปลูกกระท้อนที่เป็นพืชอัตลักษณ์ของชุมชน ความจริงใจต่อกันไม่มีการเอาเปรียบ มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และ 3) ปัญหาและอุปสรรค แนวทางแก้ไขปัญหาและข้อเสนอแนะของวิสาหกิจชุมชน คือ มีความคิดเห็นขัดแย้งในการเสนอการเพาะปลูกมีแนวทางแก้ไขปัญหาและอุปสรรคจากประธานวิสาหกิจชุมชนที่เป็นตัวอย่างที่ดีให้คนในชุมชนได้เห็นและแสดงผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งสิ่งที่ทำส่งผลดีต่อชุมชนและสร้างรายได้ให้กับชุมชนได้</p>
สุพิเชษฐ์ ตองอ่อน
จรัญญา พจนา
นวรินทร์ ตาก้อนทอง
Copyright (c) 2025 วารสารคหกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน
2025-04-23
2025-04-23
7 1
43
57
-
การพัฒนาเครื่องแต่งกาย Unisex ด้วยผ้าขาวม้าท้องถิ่นภาคกลางของประเทศไทย
https://so09.tci-thaijo.org/index.php/hecrmutp/article/view/5241
<p>วัตถุประสงค์เพื่อออกแบบเครื่องแต่งกาย Unisex จากผ้าขาวม้าร้อยสี และศึกษาความพึงพอใจของผู้ตอบแบบสอบถามที่มีต่อเครื่องแต่งกาย Unisex จากผ้าขาวม้าร้อยสี ขั้นตอนการดำเนินงาน 5 ระยะ 1) การเลือกใช้สีในการทำเครื่องแต่งกาย Unisex ใช้แนวโน้มสีปี 2024 สี Astro Dust 2) วัสดุที่ใช้ในการออกแบบเครื่องแต่งกาย Unisex ใช้ผ้าขาวม้าร้อยสีลายตาจักเป็นลายเอกลักษณ์ของชุมชนบ้านหนองขาว อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี 3) ออกแบบร่างเครื่องแต่งกาย Unisex จากแรงบันดาลใจแฟชั่น Y2K คือ เสื้อตัวหลวม และกางเกงทรงกระบอก คัดเลือกแบบร่างโดยผู้เชี่ยวชาญ 5 คน 4) สร้างแบบตัดและตัดเย็บชุดต้นแบบ ขนาดตัวมาตรฐานสตรี ไซส์ M และ 5) สอบถามความพึงพอใจต่อเครื่องแต่งกาย Unisex จากผ้าขาวม้าร้อยสีแบบออนไลน์ เลือกกลุ่มตัวอย่างแบบสะดวกจากบุคคลทั่วไป จำนวน 120 คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เนื้อหา พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามมีความพึงพอใจต่อเครื่องแต่งกาย Unisex จากผ้าขาวม้าร้อยสี ระดับพึงพอใจมากที่สุด ทั้ง 5 ชุด ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับชุด คือ อยากให้นำเสนอผ้าขาวม้าที่แตกต่างจากเดิมมากกว่าสีน้ำเงินและสีแดง การศึกษาครั้งต่อไปควรพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ผ้าขาวม้าให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น เช่น เครื่องใช้ภาย ในบ้าน เครื่องใช้สำนักงาน เครื่องแต่งกายสำหรับบุรุษ หรือของที่ระลึก เป็นต้น</p>
รัฎดาภรณ์ ถีระแก้ว
กมลชนก บุตรา
เกศทิพย์ กรี่เงิน
ประพาฬภรณ์ ธีรมงคล
สุวดี ประดับ
Copyright (c) 2025 วารสารคหกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน
2025-04-23
2025-04-23
7 1
58
73
-
การพัฒนาทักษะการสร้างแพตเทิร์นเสื้อผ้าสตรีโดยใช้การจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดของ เดวีส์ร่วมกับชุดฝึกทักษะ สำหรับนักศึกษาชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ชั้นปีที่ 1
https://so09.tci-thaijo.org/index.php/hecrmutp/article/view/5979
<p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1.พัฒนาชุดฝึกทักษะร่วมกับการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดของเดวีส์ ที่ช่วยพัฒนาทักษะการสร้างแพตเทิร์นเสื้อผ้าสตรีของนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ชั้นปีที่ 1 ตามเกณฑ์ 75/75 2. เปรียบเทียบทักษะการสร้าง แพตเทิร์นเสื้อผ้าสตรีของนักศึกษาหลังใช้ชุดฝึกทักษะร่วมกับการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดของเดวีส์ กับเกณฑ์ร้อยละ 75 และ 3. ศึกษาความพึงพอใจของนักศึกษาที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดของเดวีส์ร่วมกับชุดฝึกทักษะ การวิจัยใช้รูปแบบ One Group Posttest Only Design กลุ่มเป้าหมายคือ นักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ชั้นปีที่ 1 ศูนย์ฝึกอบรมวิชาชีพอำเภอทุ่งยางแดง ที่ลงทะเบียนเรียนรายวิชา 31804-2003 เทคนิคการทำ แพตเทิร์นและตัดเย็บเสื้อผ้าสตรี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 20 คน เครื่องมือวิจัยประกอบด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ 3 แผน ชุดฝึกทักษะ 3 ชุด แบบประเมินทักษะ และแบบสอบถามความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (t-test) ผลวิจัยพบว่า ประสิทธิภาพของการจัดการเรียนรู้เท่ากับ 76.86/82.94 สูงกว่าเกณฑ์ 75/75 นักศึกษามีทักษะการสร้างแพตเทิร์นเสื้อผ้าสตรีสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 75 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 และมีความพึงพอใจในระดับสูง โดยด้านที่มีคะแนนสูงสุดคือ ประโยชน์ที่ได้รับ รองลงมาคือ กระบวนการเรียนรู้ และเนื้อหา ตามลำดับ</p>
ซูวัยบ๊ะห์ มะอูเซ็ง
สุพรรษา สุวรรณชาตรี
ณรงค์ศักดิ์ รอบคอบ
ฉัตรธิดา หยูคง
Copyright (c) 2025 วารสารคหกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน
2025-04-24
2025-04-24
7 1
74
87
-
การส่งเสริมแนวทางการท่องเที่ยวเชิงอาหารจังหวัดนนทบุรี
https://so09.tci-thaijo.org/index.php/hecrmutp/article/view/5985
<p>การศึกษาวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาศักยภาพการท่องเที่ยวเชิงอาหารเพื่อจัดทำแนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอาหารจังหวัดนนทบุรี โดยการวิจัยเชิงคุณภาพในการศึกษาเพื่อสร้างแนวทางการส่งเสริมอาหาร ที่ผู้วิจัยจะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการท่องเที่ยวเชิงเชิงอาหารในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี ซึ่งได้แก่ ผู้ให้ข้อมูลหลัก คือ กลุ่มเชฟอาหาร กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร กลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงอาหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จำนวนทั้งสิ้น 25 คน ซึ่งผลการศึกษาพบว่า แนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอาหาร 4 C’s of Gastronomy ประกอบด้วย 4 แนวทาง ได้แก่ 1. แนวทางการส่งเสริมด้านชุมชนอาหาร ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอาหารอย่างสร้างสรรค์ให้กับนักท่องเที่ยวเชิงอาหารที่เดินทางมาท่องเที่ยว ให้ได้สัมผัสกับอาหารท้องถิ่นในจังหวัดนนทบุรีที่มีความหลากหลายของวัฒนธรรมอาหาร 2. แนวทางการส่งเสริมด้านการปรุงอาหารท้องถิ่น การนำเสนอเทคนิคการปรุงอาหารแบบดั้งเดิมของชุมชนกับกิจกรรมการท่องเที่ยวเพื่อสร้างสรรค์การท่องเที่ยวใหม่ ๆ ที่สอดคล้องกับฤดูกาลของวัตถุดิบอาหารท้องถิ่น รวมถึงการสนับสนุนผลักดันมาตรฐานร้านอาหารให้ได้รับตราสัญลักษณ์รางวัลบิบกูร์มองด์ (Bib Gourmand) สำหรับร้านอาหารในท้องถิ่นที่นำเสนอวัตถุดิบได้เป็นอย่างดี 3. แนวทางการส่งเสริมด้านผู้ประกอบการร้านอาหาร ส่งเสริมผลิตภัณฑ์อาหารท้องถิ่น การพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยวเชิงอาหารในชุมชน และการส่งเสริมการมี</p>
ภูริ ชุณห์ขจร
พงศ์สุระ ธัญญเจริญอนุกูล
ธีราพัทธ์ ชมชื่นจิตต์สิน
นิลุบล ประเคนภัทรา
ปุณยนุช ลีฬหะสุวรรณ
Copyright (c) 2025 วารสารคหกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน
2025-04-23
2025-04-23
7 1
88
99
-
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการบริโภคอาหารพื้นเมืองภูเก็ตของเจเนอเรชันซี
https://so09.tci-thaijo.org/index.php/hecrmutp/article/view/5288
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาพฤติกรรมและปัจจัยที่ส่งผลต่อการบริโภคอาหารพื้นเมืองภูเก็ตของเจเนอเรชันซีในจังหวัดภูเก็ต 2) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยกับความถี่ในการบริโภค และ 3) เปรียบเทียบปัจจัยที่ส่งผลต่อการเลือกบริโภคอาหารพื้นเมืองของกลุ่มตัวอย่างที่มีภูมิลำเนาต่างกัน โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงปริมาณ เก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามจำนวน 402 ชุด กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ เจเนอเรชันซี เกิดระหว่าง พ.ศ. 2540 - พ.ศ. 2555 ผลการวิจัยพบว่า 1) กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่บริโภคอาหารพื้นเมืองภูเก็ตเฉลี่ย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยมักจะรับประทานกับเพื่อนและครอบครัว และนิยมรับประทานในโอกาสพิเศษ เช่น งานสังสรรค์หรือเทศกาล อาหารคาวที่นิยมสูงสุด คือ หมูฮ้อง ส่วนอาหารหวานคือ โอ้เอ๋ว ส่วนใหญ่มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 101-200 บาทต่อครั้ง ด้านปัจจัยที่ส่งผลต่อการบริโภค พบว่า ปัจจัยด้านวัฒนธรรม มีผลมากที่สุด (x = 4.41) รองลงมาคือ รสนิยม (x̅ = 4.35) สื่อออนไลน์ (x̅ = 4.34) เศรษฐกิจ (x̅= 4.32) และสังคม (x̅ = 4.30) 2) ปัจจัยด้านรสนิยมและสื่อออนไลน์มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับความถี่ในการบริโภค และ 3) ปัจจัยด้านรสนิยม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และสื่อออนไลน์มีผลต่อการเลือกบริโภคอาหารของกลุ่มตัวอย่างที่มีภูมิลำเนาต่างกัน ผลวิจัยนี้สามารถใช้เป็นแนวทางส่งเสริมการบริโภคอาหารพื้นเมืองที่สอดคล้องกับเจเนอเรชันซี พร้อมทั้งสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่นและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม</p>
ศศิวรรณ โสภา
นิติชนม์ เวียงสมุทร
สาวิภา เกลี้ยงกมล
ธนพล นิ่มมณี
Copyright (c) 2025 วารสารคหกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน
2025-04-23
2025-04-23
7 1
100
116
-
การวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อความชื่นชอบผลิตภัณฑ์ไอศกรีมกะทิขนมไทยประยุกต์ ด้วยวิธีการวิเคราะห์องค์ประกอบร่วม
https://so09.tci-thaijo.org/index.php/hecrmutp/article/view/5600
<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) วิเคราะห์อรรถประโยชน์และระดับความสำคัญของคุณลักษณะต่าง ๆ ได้แก่ รสชาติ ท็อปปิ้ง บรรจุภัณฑ์ และราคา ต่อความชื่นชอบผลิตภัณฑ์ไอศกรีมกะทิขนมไทยประยุกต์ และ 2) พัฒนาตัวแบบพยากรณ์การออกแบบผลิตภัณฑ์ ที่ตอบสนองต่อความชื่นชอบของผู้บริโภค ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างคือวัยรุ่นไทยในกรุงเทพมหานครจำนวน 400 คน ใช้เทคนิคการวิเคราะห์องค์ประกอบร่วม (Conjoint analysis) ผลการวิจัยในภาพรวมพบว่า รสชาติ (48.47%) เป็นปัจจัยสำคัญที่สุด รองลงมาคือ บรรจุภัณฑ์ (26.42%) โดยผลิตภัณฑ์ที่มีรสชาติกะทิ 100% และบรรจุภัณฑ์แก้วกระดาษคราฟท์มีค่าความชื่นชอบสูงสุด เมื่อจำแนกตามเพศ พบว่า เพศหญิงให้ความสำคัญกับรสชาติและท็อปปิ้งมากที่สุด (44.03% และ 30.30% ตามลำดับ) ในขณะที่กลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQIA+) ให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์สูงสุด (52.54%) ผลการพัฒนาตัวแบบพยากรณ์การออกแบบผลิตภัณฑ์ในภาพรวมแสดงให้เห็นว่า รสชาติ ท็อปปิ้ง บรรจุภัณฑ์ และราคา มีผลต่อคะแนนความชื่นชอบในผลิตภัณฑ์ โดยผลิตภัณฑ์ที่มีรสชาติกะทิ 100% เพิ่มท็อปปิ้งลอดช่องน้ำกระสาย และใช้บรรจุภัณฑ์แก้วกระดาษคราฟท์ ช่วยเพิ่มคะแนนความ ชื่นชอบได้ อย่างไรก็ตามหากกำหนดราคาสูงขึ้นจะส่งผลให้คะแนนความชื่นชอบลดลง องค์ความรู้จากงานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เน้นเอกลักษณ์วัฒนธรรมไทยและการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้เหมาะสมสำหรับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย เพื่อเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันในตลาด</p>
นลินี พานสายตา
นิตินัย รุ่งจินดารัตน์
จิรภิรมย์ ไชยา
ณัฐชยา สีคำ
พิชามญชุ์ ศักดา
ภัครมัย วังสนธิเลิศกุล
Copyright (c) 2025 วารสารคหกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน
2025-04-23
2025-04-23
7 1
117
133
-
ภูมิปัญญาการทำน้ำพริกปลาส้มคั่วสมุนไพร การพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนของชุมชน
https://so09.tci-thaijo.org/index.php/hecrmutp/article/view/5672
<p>งานวิจัยนี้ เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพด้วยวิธีวิทยาการแบบปรากฏการณ์วิทยา<br />มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาบริบทภูมิปัญญาการทำน้ำพริกปลาส้มคั่วสมุนไพร ศึกษากระบวนการทำน้ำพริกปลาส้มคั่วสมุนไพรตามภูมิปัญญาท้องถิ่น และนำเสนอการพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำพริกปลาส้มคั่วสมุนไพร ผู้ให้ข้อมูล คือ ประธานและสมาชิกวิสาหกิจชุมชนแปรรูปปลาน้ำจืด จำนวน 5 คน และผู้บริโภคจำนวน 5 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสัมภาษณ์เชิงลึกแบบกึ่งโครงสร้าง รวบรวมข้อมูลโดยการสัมภาษณ์เชิงลึกและการสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์แก่นสาระ ผลการวิจัยพบว่า 1) บริบทภูมิปัญญาการทำน้ำพริกปลาส้มคั่วสมุนไพร เกิดจากการใช้ปลาในเขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร ที่มีการทำประมงน้ำจืดมาตั้งแต่อดีต และพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์น้ำพริกปลาส้มคั่วสมุนไพร 2) กระบวนการทำน้ำพริกปลาส้มคั่วสมุนไพรตามภูมิปัญญาท้องถิ่น มี 5 ขั้นตอน ได้แก่ การเตรียมปลาส้ม การคั่ว การเตรียมส่วนประกอบ การผสม และการบรรจุ และ 3) แนวทางพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำพริก<br />ปลาส้มคั่วสมุนไพรจากการมีส่วนร่วมของสมาชิกชุมชนและผู้วิจัยมี 5 ขั้นตอน คือ 1) วิเคราะห์ความต้องการของตลาด 2) พัฒนาสูตรให้เป็นเอกลักษณ์และใส่ใจต่อสุขภาพ 3) พัฒนา<br />บรรจุภัณฑ์โดยใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 4) พัฒนากระบวนการผลิตให้ได้มาตรฐาน และ 5) ทำการตลาดด้วยการสร้างเรื่องเล่าของผลิตภัณฑ์</p>
วีรยุทธ เปลี่ยนสำโรง
ศิวพร ยิ้มแต้
จารุวรรณ เนตรบุตร
กนกวรรณ เตียศิริ
จุฑามาศ พีรพัชระ
Copyright (c) 2025 วารสารคหกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน
2025-04-23
2025-04-23
7 1
134
147