วารสารวิชาการนอร์ทเทิร์น https://so09.tci-thaijo.org/index.php/AJntc <p><strong>1. ความเป็นมา</strong><br /> การจัดทำวารสารวิชาการนอร์ทเทิร์น ถือเป็นภารกิจสำคัญของวิทยาลัยในการส่งเสริมให้บุคลากรทั้งภายในและภายนอกหน่วยงานได้เผยแพร่ผลงานวิชาการ สู่หน่วยงานภายนอกและความก้าวหน้าทางวิชาการในสาขานั้นๆ เป็นการสร้างเครือข่ายเผยแพร่อันนำสู่ความก้าวหน้าทางวิชาการของบุคลากร เป็นการเผยแพร่และถ่ายทอดเทคโนโลยีผลงานทางวิชาการในรูปแบบสื่อสิ่งพิมพ์ และเป็นการสร้างเครือข่ายการเผยแพร่ผลงานวิชาการ ระหว่างวิทยาลัยกับหน่วยงานภายนอกทั้งภาครัฐและเอกชน</p> <p><strong>2. วัตถุประสงค์</strong><br /> 1) เพื่อเผยแพร่ผลงานวิจัยและผลงานวิชาการที่มีคุณภาพของนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา อาจารย์ และนักวิจัยที่ต้องการเผยแพร่ผลงานวิจัยและผลงานวิชาการ ทั้งภายในและภายนอก<br /> 2)เป็นสื่อกลางในการนำเสนอความก้าวหน้าทางการวิจัยของนิสิต อาจารย์ นักวิจัย ตลอดจนผู้ทรงคุณวุฒิ และนักวิชาการภายนอกได้สร้างสรรค์ และเผยแพร่ผลงานวิชาการ<br /> 3) เพื่อเป็นการส่งเสริมและพัฒนางานวิชาการของคณาจารย์ในมหาวิทยาลัยให้มีความก้าวหน้า และนำไปสู่การเพิ่มพูนตำแหน่งทางวิชาการ</p> th-TH research.northern@gmail.com (Asst. Prof. Dr.Sirinee Wongvilairat ) research.northern@gmail.com (Sasiwan Songtai ) Tue, 07 Jan 2025 00:00:00 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 การประยุกต์ใช้ความรู้ศาสตร์พระราชาในการพัฒนาหมู่บ้านน้ำไผ่ ตำบลงิ้วงาม อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ https://so09.tci-thaijo.org/index.php/AJntc/article/view/5705 <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; ในประเทศไทยมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในช่วงห้าทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น ในขณะเดียวกันการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่มีความซับซ้อน กระแสโลกาภิวัฒน์ที่เข้ามา มีส่วนทำให้เกิดผลกระทบต่อแนวคิด และการดำรงชีวิตของประชาชน ทั้งการเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ สังคมสุขภาพ และสิ่งแวดล้อม เป็นปัญหาสำคัญ การแก้ไขวิกฤตจำเป็นต้องแสวงหาแนวทางสู่การพัฒนาชีวิตที่ยั่งยืน</p> <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; การศึกษาวิจัยเรื่องการประยุกต์ใช้ความรู้ศาสตร์พระราชาในการพัฒนาหมู่บ้านน้ำไผ่ ตำบลงิ้วงาม อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ มีวัตถุประสงค์ในการศึกษา ดังนี้ 1. เพื่อศึกษาความรู้และกระบวนการประยุกต์ใช้ศาสตร์พระราชาที่เหมาะสมในการพัฒนาหมู่บ้านน้ำไผ่&nbsp; 2. เพื่อศึกษาผลที่ได้จากการประยุกต์ใช้ศาสตร์พระราชาในด้านเศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ สิ่งแวดล้อมของหมู่บ้านน้ำไผ่ ต.งิ้วงาม อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) การเก็บข้อมูลภาคสนามรายบุคคลและกลุ่ม (Focus Group) จากแบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์และการสังเกตอย่างมีส่วนร่วมและไม่มีส่วนร่วม วิเคราะห์และนำเสนอผลการวิจัยแบบพรรณาเชิงวิเคราะห์ (descriptive analysis)</p> <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; ผลการศึกษาวิจัยพบว่า ชาวบ้านในชุมชนหมู่บ้านน้ำไผ่ มีความรู้และแนวคิดในการประยุกต์ใช้ความรู้ศาสตร์พระราชาในการดำเนินชีวิตในรูปแบบที่แตกต่างกัน แบ่งได้เป็น 3 รูปแบบหลัก คือ&nbsp; 1) รูปแบบเดิมที่เคยดำเนินตามบรรพบุรุษที่สอนกันมารุ่นต่อรุ่นในการทำการเกษตรภายในครัวเรือน อาทิ ปลูกพืชผักสวนครัวในครอบครัวตามแนวคิด “ปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก” หมายถึง ปลูกพืชในพื้นที่ของตนเอง อุปโภคและแบ่งปันให้กับเพื่อนบ้าน ส่วนที่เหลือมีการนำมาแปรรูปเป็นวัตถุดิบที่เก็บได้ แล้วนำบางส่วนของที่เหลือไปขายเกิดเป็นรายได้ 2) รูปแบบประยุกต์ใช้จากประสบการณ์ ที่เคยประสบปัญหาหนี้สินจากการปลูกพืชเชิงเดี่ยวและอพยพไปทำงานต่างถิ่น เมื่อกลับมาดำเนินชีวิตโดยใช้ศาสตร์พระราชา เศรษฐกิจพอเพียง มีการปรับปรุงดิน ปลูกพืชอินทรีย์ ปลอดสารพิษเพื่อบริโภคในครัวเรือน ใช้รักษาโรคภัยไข้เจ็บ ลดความเจ็บป่วยในครอบครัว และมีเหลือพอแจกจ่าย และเริ่มปลูกเป็นอาชีพเพื่อการค้า 3) ความรู้ที่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานสนับสนุนอื่นในโครงการโคกหนองนาโมเดลโดยใช้ศาสตร์พระราชาตามโครงการพัฒนาชุมชน และเป็นแหล่งเรียนรู้ เป็นตัวอย่างของคนในหมู่บ้าน และมีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชุมชนทำให้เกิดกระบวนการเรียนรู้และตื่นตัวในหมู่บ้าน ปลูกผักโดยไม่ใช้สารเคมี การเปลี่ยนแปลงทั้งในระดับบุคคล และชุมชนอย่างเป็นรูปธรรมที่เกิดขึ้นได้แก่ 1) ชาวบ้านมีสุขอนามัยในการใช้ชีวิตและมีสุขภาพร่างกายโดยรวมดีขึ้น 2) ชาวบ้านมีรายได้เลี้ยงตัวเองได้เพิ่มขึ้นจากการทำเกษตรในครัวเรือน และแปรรูปผลผลิตการเกษตร 3) ชาวบ้านสามารถแก้ปัญหาเรื่องหนี้สิน หนี้นอกระบบ ความยากจน ซึ่งมีอัตราส่วนที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากผู้คนในชุมชนมีงานทำ มีรายได้ในการประกอบอาชีพเลี้ยงดูตนเอง ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ของตนเองเป็นแหล่งรายได้โดยใช้วิธีการตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและโคกหนองนาโมเดล 4) ปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติดลดลง เนื่องจากผู้คนมีงานทำ มีรายได้และมีความรู้ มีการศึกษาที่สูงขึ้น ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นอย่างเป็นลำดับ</p> สุคนธ์รักษ์ ปัญญา, ศุภการ สิริไพศาล Copyright (c) 2025 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so09.tci-thaijo.org/index.php/AJntc/article/view/5705 Tue, 07 Jan 2025 00:00:00 +0700 การวิเคราะห์ปัจจัยความสำเร็จในการจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสานท่ามกลางภาวะการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง https://so09.tci-thaijo.org/index.php/AJntc/article/view/5706 <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp;</p> <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; การวิจัยนี้มีจุดประสงค์การวิจัยเพื่อวิเคราะห์ปัจจัยความสำเร็จในการจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสานท่ามกลางภาวะการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลนักศึกษาที่ลงทะเบียนศึกษาในปีการศึกษา 2564 จำนวน 400 คนได้มาโดยวิธีการกำหนดขนาดการวิจัยด้วยโปรแกรมสำเร็จรูปแล้วสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงบรรยายที่มีตัวแปรที่สนใจศึกษาประกอบไปด้วย เศรษฐานะทางสังคม (SES) ปฏิสัมพันธ์ของผู้เรียน (INT) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน (ACH)และแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ในการเรียน (MOT) เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้เครื่องมือประกอบไปด้วย (1) แบบวัดเศรษฐานะทางสังคม (2) แบบวัดปฏิสัมพันธ์ของผู้เรียน (3) การวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนและ (4) แบบวัดแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ในการเรียน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติบรรยายและการวิเคราะห์เส้นทาง (Path Analysis)&nbsp; ผลการวิจัยพบว่าโมเดลปัจจัยความสำเร็จในการจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสานที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ (Chi-Square=4.945, df=5, p=.604, RMSEA=0.000, GFI=.996, CFI=.959)</p> ถิรายุ อินทร์แปลง, ภูตะวัน โฮ วงศ์ใหญ่ Copyright (c) 2025 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so09.tci-thaijo.org/index.php/AJntc/article/view/5706 Tue, 07 Jan 2025 00:00:00 +0700 ส่วนประสมทางการตลาดและคุณค่าตราสินค้าที่มีผลต่อพฤติกรรมการซื้อผลิตภัณฑ์น้ำผึ้งจากแมลงชันโรง ภูผาฟาร์ม https://so09.tci-thaijo.org/index.php/AJntc/article/view/5708 <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; บทความนี้มีวัตถุประสงค์ ได้แก่ 1) การศึกษาผลของส่วนประสมทางการตลาดที่มีต่อพฤติกรรมการซื้อผลิตภัณฑ์น้ำผึ้งจากแมลงชันโรง 2) การประเมินคุณค่าตราสินค้าที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์น้ำผึ้งจากแมลงชันโรง และ 3) การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างส่วนประสมทางการตลาดและคุณค่าตราสินค้าที่มีผลต่อพฤติกรรมการซื้อผลิตภัณฑ์น้ำผึ้งจากแมลงชันโรง รูปแบบการวิจัยเป็น รูปแบบการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) ซึ่งอิงกับแนวคิดและทฤษฎีส่วนประสมทางการตลาด และทฤษฎีคุณค่าตราสินค้า เป็นกรอบการวิจัย โดยพื้นที่วิจัยถูกจำกัดอยู่ที่อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม กลุ่มตัวอย่างที่เลือกใช้ในการวิจัยนี้คือผู้ใช้ผลิตภัณฑ์น้ำผึ้งจากแมลงชันโรงจำนวน 400 คน การคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างใช้วิธีสะดวก (Convenience Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลประกอบด้วย 2 ชนิด ได้แก่ 1) แบบสอบถาม 2) แบบสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพื้นฐาน</p> <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; ผลการวิจัยตามวัตถุประสงค์ข้อที่ 1 พบว่า ผู้บริโภคมักเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีช่องทางการจัดจำหน่ายสะดวกและราคาที่เหมาะสม สำหรับข้อที่ 2 พบว่า การรับรู้ตราสินค้าและความภักดีต่อแบรนด์ส่งผลสำคัญต่อการตัดสินใจซื้อ ผู้บริโภคมักเลือกผลิตภัณฑ์ที่คุ้นเคยและไว้วางใจ ส่วนข้อที่ 3 พบว่า ความสัมพันธ์ระหว่างคุณค่าตราสินค้าและส่วนประสมทางการตลาดมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ โดยเป็นปัจจัยที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเลือกซื้อ สรุปได้ว่า ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์น้ำผึ้งจากแมลงชันโรง คือ การสร้างความรับรู้ในตราสินค้า การสื่อสารต่อเนื่อง และ การขยายช่องทางการขาย เพื่อเพิ่มการเข้าถึงและกระตุ้นการซื้ออย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว</p> ปราณี เอี่ยมลออภักดี, พัทธนันท์ ฉายศิรินันท์ Copyright (c) 2025 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so09.tci-thaijo.org/index.php/AJntc/article/view/5708 Tue, 07 Jan 2025 00:00:00 +0700 ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการสูบบุหรี่ไฟฟ้าของนักศึกษาสถาบันแห่งหนึ่ง จังหวัดจันทบุรี https://so09.tci-thaijo.org/index.php/AJntc/article/view/5709 <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; การศึกษานี้มีรูปแบบการวิจัยเชิงสำรวจแบบภาคตัดขวาง มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับสูบบุหรี่ไฟฟ้าของนักศึกษาสถาบันแห่งหนึ่ง จังหวัดจันทบุรี กลุ่มตัวอย่าง คือนักศึกษา ระดับปริญญาตรี ภาคปกติ ปีการศึกษา 1/2566 มีอายุ 18-26 ปี จำนวน 382 คน สุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบง่าย เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามข้อมูลทั่วไป ความรู้เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า การรับรู้ความรุนแรงของการสูบบุหรี่ไฟฟ้า ทัศนคติต่อการสูบบุหรี่ไฟฟ้า การได้รับข้อมูลข่าวสาร การมีบิดามารดาหรือคนใกล้ชิดในครอบครัวและเพื่อนสนิทสูบบุหรี่ไฟฟ้า วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาสถิติ และไคสแควร์</p> <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; ผลการศึกษาพบว่าปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการสูบบุหรี่ไฟฟ้าอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ได้แก่ ทัศนคติเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า (x<sup>2</sup> = 150.028, p = 0.001) เพื่อนสนิทสูบบุหรี่ไฟฟ้า (x<sup>2</sup> = 119.667, p = .001) บิดามารดาสูบบุหรี่ไฟฟ้า (x<sup>2</sup> = 102.775, p = 0.001) การรับรู้ความรุนแรงของการสูบบุหรี่ไฟฟ้า (x<sup>2</sup> = 27.148, p = 0.001) อายุ (x<sup>2</sup> = 8.096, p = .017) รายได้ (x<sup>2</sup> = 7.333, p = .026) ) เพศ ( x<sup>2</sup> = 4.564, p = .033) ข้อเสนอแนะจากผลการศึกษา สามารถนำข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการสูบบุหรี่ไฟฟ้า ไปพัฒนากิจกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาการสูบบุหรี่ไฟฟ้า เช่น การให้ความรู้เกี่ยวกับโทษและพิษภัยการสูบบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อให้กลุ่มตัวอย่างมีการรับรู้ความรุนแรงเกี่ยวกับการสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น</p> ภัควรินทร์ ภัทรศิริสมบูรณ์, โยธกานต์ แก้วกลม, ปวีณา เทพรักษ์, รุสช์ดา สะมะแอ, หทัยรัตน์ ทับทิม, วัชราภรณ์ แน่นอน Copyright (c) 2025 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so09.tci-thaijo.org/index.php/AJntc/article/view/5709 Tue, 07 Jan 2025 00:00:00 +0700