วารสารวิชาการนอร์ทเทิร์น https://so09.tci-thaijo.org/index.php/AJntc <p><strong>1. ความเป็นมา</strong><br /> การจัดทำวารสารวิชาการนอร์ทเทิร์น ถือเป็นภารกิจสำคัญของวิทยาลัยในการส่งเสริมให้บุคลากรทั้งภายในและภายนอกหน่วยงานได้เผยแพร่ผลงานวิชาการ สู่หน่วยงานภายนอกและความก้าวหน้าทางวิชาการในสาขานั้นๆ เป็นการสร้างเครือข่ายเผยแพร่อันนำสู่ความก้าวหน้าทางวิชาการของบุคลากร เป็นการเผยแพร่และถ่ายทอดเทคโนโลยีผลงานทางวิชาการในรูปแบบสื่อสิ่งพิมพ์ และเป็นการสร้างเครือข่ายการเผยแพร่ผลงานวิชาการ ระหว่างวิทยาลัยกับหน่วยงานภายนอกทั้งภาครัฐและเอกชน</p> <p><strong>2. วัตถุประสงค์</strong><br /> 1) เพื่อเผยแพร่ผลงานวิจัยและผลงานวิชาการที่มีคุณภาพของนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา อาจารย์ และนักวิจัยที่ต้องการเผยแพร่ผลงานวิจัยและผลงานวิชาการ ทั้งภายในและภายนอก<br /> 2)เป็นสื่อกลางในการนำเสนอความก้าวหน้าทางการวิจัยของนิสิต อาจารย์ นักวิจัย ตลอดจนผู้ทรงคุณวุฒิ และนักวิชาการภายนอกได้สร้างสรรค์ และเผยแพร่ผลงานวิชาการ<br /> 3) เพื่อเป็นการส่งเสริมและพัฒนางานวิชาการของคณาจารย์ในมหาวิทยาลัยให้มีความก้าวหน้า และนำไปสู่การเพิ่มพูนตำแหน่งทางวิชาการ</p> th-TH research.northern@gmail.com (Asst. Prof. Dr.Sirinee Wongvilairat ) research.northern@gmail.com (Sasiwan Songtai ) Tue, 11 Nov 2025 11:01:52 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 การศึกษาเพื่อพัฒนากฎหมายเกี่ยวกับมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้รองรับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในอนาคต https://so09.tci-thaijo.org/index.php/AJntc/article/view/7994 <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; ในยุคดิจิทัลปัจจุบัน เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทอย่างมากในชีวิตประจำวัน ส่งผลให้เกิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (Cybercrime) ที่มีความซับซ้อนและหลากหลายมากขึ้น เช่น การหลอกลวงออนไลน์ การขโมยข้อมูล และการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) หรือ Deepfake เป็นเครื่องมือในการกระทำผิด แม้ประเทศไทยจะมีการตรากฎหมายพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 และกฎหมายพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีฉบับแก้ไข พ.ศ. 2568แล้ว แต่ยังคงพบปัญหาช่องว่างทางกฎหมายที่ไม่สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพ งานวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา ศึกษาช่องโหว่ทางกฎหมาย วิเคราะห์ข้อจำกัดของกฎหมายที่มีอยู่ และศึกษากฎหมายของต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และสิงคโปร์ เพื่อเสนอแนวทางเชิงกฎหมายที่ทันสมัยและเหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย งานวิจัยใช้วิธีการศึกษาเอกสารเชิงคุณภาพ โดยวิเคราะห์จากแนวคิด ทฤษฎี และบทความวิชาการที่เกี่ยวข้อง /จากการศึกษาแนวทางกฎหมายไซเบอร์ในต่างประเทศ พบว่าประเทศพัฒนาแล้วมีการออกแบบระบบกฎหมายที่เน้นการปรับตัวต่อเทคโนโลยีใหม่อย่างต่อเนื่อง ใช้กลไกเชิงรุกผ่านการกำหนดบทบาทของแพลตฟอร์มเอกชนในการแจ้งเตือนและจัดการความเสี่ยงไซเบอร์ พร้อมทั้งส่งเสริมความร่วมมือระหว่างรัฐกับภาคเอกชนในรูปแบบพันธมิตรด้านความมั่นคงไซเบอร์ รวมถึงการจัดตั้งหน่วยงานกลางที่มีอำนาจเต็มในการกำกับ ดูแล สืบสวน และประสานงานระดับระหว่างประเทศ บทเรียนสำคัญที่ประเทศไทยสามารถนำมาประยุกต์ได้คือการยกระดับกรอบกฎหมายให้มีความยืดหยุ่นและตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีอย่างทันท่วงที พร้อมส่งเสริมกลไกการทำงานเชิงรุกทั้งในระดับนโยบาย แพลตฟอร์ม และความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อให้สามารถรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนในระยะยาว จึงควรมีการปรับปรุงและพัฒนานโยบายในหลายมิติอย่างเป็นระบบ เริ่มจากการปรับแก้บทบัญญัติของกฎหมายให้ครอบคลุมและชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการกำหนดนิยามของอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับ AI และ Deepfake ให้เป็นที่รับรู้ทางกฎหมาย อาทิ การปลอมแปลงบุคคลโดยใช้เทคโนโลยี Deepfake หรือการสร้างเนื้อหาหลอกลวงผ่านระบบอัตโนมัติ ซึ่งการบัญญัตินิยามและฐานความผิดเหล่านี้อย่างชัดเจนจะช่วยป้องกันความคลุมเครือในการบังคับใช้กฎหมาย และเปิดทางให้กระบวนการยุติธรรมสามารถดำเนินการได้อย่างทันการณ์</p> <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; นอกจากนี้ ควรมีการจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะทางด้านอาชญากรรม AI ภายใต้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คือการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ พนักงานสอบสวน หรือผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์ดิจิทัล ประเทศไทยควรผลักดันให้เกิดการจัดตั้ง “คณะกรรมการความร่วมมืออาเซียนว่าด้วยการปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์”</p> ภัทรพงษ์ จันทร์พรหม ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so09.tci-thaijo.org/index.php/AJntc/article/view/7994 Tue, 11 Nov 2025 00:00:00 +0700