วารสารวิชาการ นวัตกรรมการจัดการ

ความสัมพันธ์ระหว่างทักษะผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 กับผลการปฏิบัติงานของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 1

อธิพร อุ่นมณี — 2025-09-30

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 3 ประการ (1) เพื่อศึกษาระดับทักษะของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 1 (2) เพื่อศึกษาระดับผลการปฏิบัติงานของครูและ (3) เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของทักษะของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 กับผลการปฏิบัติงานของครู การวิจัยนี้เป็นการวิจัยปริมาณ กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 250 คน ได้แก่ ครูผู้สอน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 1 เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สันผลการวิจัย (1) ด้านระดับทักษะของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 โดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก(2) ด้านระดับผลการปฏิบัติงานของครู โดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก และ (3) ด้านทักษะของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 กับผลการปฏิบัติงานของครู มีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ0.01

ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำเชิงพฤติกรรมของผู้บริหารสถานศึกษากับแรงจูงใจในการปฏิบัติงาน ของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาประจวบคีรีขันธ์

ศุภกานต์ กตัญรัตน์ — 2025-09-30

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ (1) เพื่อวิเคราะห์ระดับภาวะผู้นำเชิงพฤติกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ (2) เพื่อวิเคราะห์ระดับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ และ (3) เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำเชิงพฤติกรรมของผู้บริหารสถานศึกษากับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 264 คน ได้แก่ ครูผู้สอนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เครื่องมือที่ใช้การวิจัย คือ แบบสอบถามสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน ผลการวิจัยพบว่า (1) ด้านระดับภาวะผู้นำเชิงพฤติกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (2) ด้านระดับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครู โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากและ (3) ด้านความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำเชิงพฤติกรรมของผู้บริหารสถานศึกษากับแรงจูงใจในการ
ปฏิบัติงานของครู พบว่า มีความสัมพันธ์กัน

การบริหารแบบมีส่วนร่วมในการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีของสถานศึกษา สังกัดสํานักงานอาชีวศึกษาจังหวัดชุมพร

สมชาย ศรีภูมั่น — 2025-09-30

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ (1) เพื่อศึกษาการบริหารแบบมีส่วนร่วมในการจัดการอาชีวศึกษาระบบ ทวิภาคีของสถานศึกษา สังกัดสํานักงานอาชีวศึกษาจังหวัดชุมพร (2) เพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นที่มีต่อการ บริหารแบบมีส่วนร่วมในการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีของสถานศึกษา สังกัดสํานักงานอาชีวศึกษาจังหวัดชุมพร เมื่อจําแนกตามสถานภาพ การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่าง จํานวน 196 คน ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา หัวหน้างานอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี ครูผู้สอน สถานศึกษาสังกัดสํานักงาน อาชีวศึกษาจังหวัดชุมพร ปีการศึกษา 2567 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการ วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์ค่าที (t-test) และการวิเคราะห์ค่าเอฟ (F-test) ผลการวิจัยพบว่า พบว่า (1) การบริหารแบบมีส่วนร่วมในการจัดการ อาชีวศึกษาระบบทวิภาคีของสถานศึกษา สังกัดสํานักงานอาชีวศึกษาจังหวัดชุมพร โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่าอยู่ในระดับมากทุกด้าน โดยเรียงค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ได้ดังนี้ ด้านการมี ส่วนร่วมในการรับรู้ปัญหา ด้านการมีส่วนร่วมในการประเมินผล ด้านการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ด้านการมี ส่วนร่วมในขั้นวางแผน และด้านการมีส่วนร่วมปฏิบัติการ (2) ผลการเปรียบเทียบการบริหารแบบมีส่วนร่วมใน การจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีของสถานศึกษา สังกัดสํานักงานอาชีวศึกษา จังหวัดชุมพร เมื่อจําแนก ตามสถานภาพ พบว่า เพศ อายุ ประสบการณ์การทํางาน ระดับการศึกษา และตําแหน่งงาน ที่แตกต่างกันมี ความคิดเห็นต่อการบริหารแบบมีส่วนร่วมในการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีของสถานศึกษาแตกต่างกัน อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05

บทบาทการนิเทศภายในของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาประจวบคีรีขันธ์

อรอนงค์ อาจอ่อนศรี — 2025-09-30

งานวิจัยนี่^,มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาบทบาทการนิเทศภายในของผู้'บริหารสถานศึกษา
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ (2) เพื่อเปรียบเทียบบทบาทการนิเทศภายในของผู้บริหารสถานศึกษา จำแนกตาม ระดับการศึกษา ประสบการณ์ทำงาน และขนาดโรงเรียน การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 264 คน โดยวิธีการลุ่มอย่างง่าย เครื่องมือการวิจัยเป็นแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าความถี่ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติที และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว ผลการวิจัย พบว่า (1) การศึกษาบทบาทการนิเทศภายในของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ พบว่า โดยภาพรวมและรายด้านอยูในระดับมาก (2) ด้านการเปรียบเทียบบทบาทการนิเทศภายในของผู้บริหารสถานศึกษา จำแนกตาม ระดับการศึกษา ประสบการณ์ทำงาน และขนาดโรงเรียน พบว่า แตกต่างกัน